ประจวบคีรีขันธ์ - เกษตรกรเมืองปราณบุรี แห่ตัดสับปะรดออกขายหลังผลผลิตออกมากเกินความต้องการ จากการหันกลับมาปลูกสับปะรดของเกษตรกรในช่วงปีที่ผ่านมา จากราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 14 บาทต่อ กก.แต่สุดท้ายกลับต้องยอมขายในราคาขาดทุนที่ 3-4 บาทต่อ กก.อีกทั้งเกษตรกรยังต้องประสบปัญหาผลสับปะรดแกร็นจากสภาพอากาศแปรปรวน
วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจตลาดซื้อขายสับปะรดใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยได้พบกับ นายหนม คล้ายจันทรพงศ์ เจ้าของแผงรับซื้อสับปะรดเจษฎา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านแก่งกระทิง ม.7 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี พร้อมบอกว่า ในแต่ละวันจะมีเกษตรกรนำสับปะรดบรรทุกใส่รถยนต์มาขายมากกว่า 200 ตัน
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำที่ปลูกสับปะรดรายย่อย และไม่ได้รับโควตาจากโรงงาน โดยปัจจุบันแผงรับซื้อสับปะรดต่างๆ จะรับซื้อสับปะรดขนาดใหญ่ในราคากิโลกรัมละ 4.20 บาท ส่วนสับปะรถขนาดเล็ก รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 1 บาท และสับปะรดที่สุกเกินไปจะนำไปขายให้แก่ผู้เลี้ยงวัวเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์
นายหนม ยังกล่าวอีกว่า เป็นเพราะในปีที่ผ่านมาราคาสับปะรดสูงเป็นประวัติการณ์ คือ มีราคารับซื้อที่กิโลกรัม 13-14 บาท จึงทำให้เกษตรหันมาปลูกสับปะรดกันมากขึ้น ผลที่ตามมาคือ สับปะรดที่ออกมาในช่วงนี้จึงไม่ใช้สับปะรดปี และยังมีผลผลิตมากจนล้นตลาด เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถรับซื้อได้ทั้งหมด และจะต้องคัดเฉพาะลูกที่สมบูรณ์เท่านั้น อย่างไรก็ดี คาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ ราคาน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้าน นายคำรณ สุขศรี เกษตรกรบ้านหนองแก อ.หัวหิน กล่าวว่า ตนปลูกสับปะรดในเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ มานานกว่า 30 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ประสบปัญหาแรงงานไม่เพียงพอจึงไม่สามารถเก็บผลผลิตส่งโรงงานได้ ประกอบกับในพื้นที่มีฝนตกสลับกับสภาพอากาศที่ร้อน จึงทำให้ผลผลิตที่ออกแกร็นมากกว่าทุกปี และไม่สามารถนำออกขายได้ ส่วนผลผลิตที่เหลือต้องนำบรรทุกรถยนต์ออกขายยังแผงรับซื้อประมาณ 5-6 ตันต่อวัน แต่ก็ไม่ได้ราคาสูงนักจึงทำให้ ต้องประสบต่อปัญหาขาดทุน
วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจตลาดซื้อขายสับปะรดใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยได้พบกับ นายหนม คล้ายจันทรพงศ์ เจ้าของแผงรับซื้อสับปะรดเจษฎา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านแก่งกระทิง ม.7 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี พร้อมบอกว่า ในแต่ละวันจะมีเกษตรกรนำสับปะรดบรรทุกใส่รถยนต์มาขายมากกว่า 200 ตัน
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำที่ปลูกสับปะรดรายย่อย และไม่ได้รับโควตาจากโรงงาน โดยปัจจุบันแผงรับซื้อสับปะรดต่างๆ จะรับซื้อสับปะรดขนาดใหญ่ในราคากิโลกรัมละ 4.20 บาท ส่วนสับปะรถขนาดเล็ก รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 1 บาท และสับปะรดที่สุกเกินไปจะนำไปขายให้แก่ผู้เลี้ยงวัวเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์
นายหนม ยังกล่าวอีกว่า เป็นเพราะในปีที่ผ่านมาราคาสับปะรดสูงเป็นประวัติการณ์ คือ มีราคารับซื้อที่กิโลกรัม 13-14 บาท จึงทำให้เกษตรหันมาปลูกสับปะรดกันมากขึ้น ผลที่ตามมาคือ สับปะรดที่ออกมาในช่วงนี้จึงไม่ใช้สับปะรดปี และยังมีผลผลิตมากจนล้นตลาด เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถรับซื้อได้ทั้งหมด และจะต้องคัดเฉพาะลูกที่สมบูรณ์เท่านั้น อย่างไรก็ดี คาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ ราคาน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ด้าน นายคำรณ สุขศรี เกษตรกรบ้านหนองแก อ.หัวหิน กล่าวว่า ตนปลูกสับปะรดในเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ มานานกว่า 30 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ประสบปัญหาแรงงานไม่เพียงพอจึงไม่สามารถเก็บผลผลิตส่งโรงงานได้ ประกอบกับในพื้นที่มีฝนตกสลับกับสภาพอากาศที่ร้อน จึงทำให้ผลผลิตที่ออกแกร็นมากกว่าทุกปี และไม่สามารถนำออกขายได้ ส่วนผลผลิตที่เหลือต้องนำบรรทุกรถยนต์ออกขายยังแผงรับซื้อประมาณ 5-6 ตันต่อวัน แต่ก็ไม่ได้ราคาสูงนักจึงทำให้ ต้องประสบต่อปัญหาขาดทุน