ลำปาง - นายแพทย์ สสจ.ลำปาง สั่งตั้งกรรมการสอบแล้ว หลังป่าไม้-ตำรวจ-ทหาร บุกจับกุมผู้ต้องหาตัดไม้สักอายุ 25 ปี คาสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง รวม 12 ต้น 27 ท่อน เผยผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอฯจ้างจริง หวั่นพายุพัดล้มทับทรัพย์สินรัฐเสียหาย บอก “คิดดี แต่ทำไม่ถูก”
วันนี้ (24 เม.ย.) นายแพทย์ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธาณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยหลังเดินทางไปตรวจสอบที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองลำปาง เพื่อตรวจสอบกรณี ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง, ตำรวจ บก.ปทส.4 สายตรวจที่ 1 จังหวัดลำปาง, หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.7 (แม่ตุ๋ย) และทหาร มทบ.32 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมอุปกรณ์ตัดไม้-ไม้สักที่ตัดแล้วจำนวน 27 ท่อน ภายในสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองลำปาง เมื่อวาน (23 เม.ย.) ที่ผ่านมา
นายแพทย์ศิริชัยระบุว่า จากการเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่ามีต้นไม้ (ต้นสัก) ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามถูกตัดจริงตามที่สื่อได้นำเสนอข่าวไปรวม 12 ต้น ตัดเป็นท่อนรวม 27 ท่อน ซึ่งไม้สักที่ปลูกในสำนักงานทั้งหมดมีประมาณ 45 ต้น ปัจจุบันอายุกว่า 25 ปีแล้ว
จากการสอบถามทราบว่า ผู้ที่ดำเนินการติดต่อว่าจ้างคนงานมาตัดต้นไม้ คือ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอเมืองลำปาง โดยให้เหตุผลว่า “กลัวต้นไม้จะล้ม เพราะมีสองต้นที่ล้มจากพายุ และเป็นช่วงวันหยุดจึงได้ว่าจ้างคนงานมาตัด เมื่อคนงานมาแล้วจึงให้ตัดต้นที่อยู่โดยรอบอาคารด้วย เพราะเกรงว่าจะหักโค่นลงมาทำให้ทรัพยสินทางราชการเสียหาย”
การจากพูดคุยก็เห็นว่าการตัดต้นไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก่อน เมื่อแจ้งแล้วเจ้าหน้าที่จะต้องเข้ามาดูว่ามีเหตุสมควรจะตัดหรือไม่ หากจำเป็นเจ้าหน้าที่ก็คงอนุญาต แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ควรตัด และยิ่งเป็นสถานที่ราชการด้วยแล้วก็ยิ่งต้องเป็นแบบอย่างให้ประชาชนในการปลูกต้นไม้ ความคิดที่ไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินทางราชการ ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่วิธีปฎิบัติผิด
ในเรื่องนี้ก็ต้องดำเนินการไปพร้อมกัน โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ส่งเรื่องฟ้องดำเนินคดีก็ต้องว่าไปตามนั้น ส่วนของสาธารณสุขก็ได้แต่งตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบข้อเท็จจริง และสอบวินัยผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะมีการย้ายก่อน เพื่อความสะดวกในการสอบสวน
“ยืนยันว่าต้องเป็นไปตามขั้นตอน ผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนใครจะเกี่ยวข้องบ้างก็ต้องรอผลจากการสอบสวนก่อน โดยเฉพาะข้อเท็จจริงตามที่อ้างว่า ต้นไม้เคยทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ก็คงต้องสอบผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเป็นจริงหรือไม่ ใครได้รับผลกระทบจากต้นไม้ล้มทับหรือไม่ ทรัพย์สินเสียหายหรือไม่ แต่เบื้องต้นก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปก่อนเพราะเราเป็นหน่วยงานราชการ ต้องเป็นแบบอย่างให้แก่ประชาชน แม้จะคิดดี แต่ทำไม่ถูกต้อง”