ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรม “ชัยภูมิ ป่าแส” แถลงเรียกร้อง จนท.ยุติการให้ข้อมูลที่ด่วนสรุปเกี่ยวกับ “ชัยภูมิ” ทั้งต้องเปิดเผยภาพกล้องวงปิดที่จุดเกิดเหตุเพื่อคลายความสงสัยขณะเดียวกันให้ทหารเลิกเข้าไปในชุมชนกดดันครอบครัวและคนใกล้ชิด
วันนี้ (24 เม.ย. 60) ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เครือข่ายที่ประกอบด้วย นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมือง, เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย, สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย เป็นต้น นำโดยอาจารย์ ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ,นายอรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ และนายสมชาย ปรีชาศิลปะกุล กลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว 38 วัน หลังวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส : ความ(ไม่)คืบหน้าในการแสวงหาความจริง
โดยการแถลงข่าวในครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุปรากฏว่ามีความพยายามชี้แจงข้อมูลว่านายชัยภูมิเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด และขัดขืนการจับกุม รวมทั้งมีความพยายามจะขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ จนเป็นที่มาของการถูกวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าอาจจะกระทบต่อความเป็นอิสระของพนักงานสอบสวน
ขณะเดียวกัน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเครือข่ายพบว่า เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปในชุมชนที่เป็นภูมิลำเนาของชัยภูมิเกือบทุกวัน และมีการเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องกับนายชัยภูมิหรือผู้นำชุมชนไปพบ ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากปฏิบัติการทางจิตวิทยาในลักษณะที่สร้างความตึงเครียดให้แก่ชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดกับนายชัยภูมิ
ทั้งนี้ ทางเครือข่ายติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส มีข้อเรียกร้องโดยระบุว่า เห็นด้วยและสนับสนุนเสียงเรียกร้องของภาคประชาสังคมและประชาชนที่ต้องการให้มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด โดยขอให้หน่วยทหารส่งมอบหลักฐานให้กับพนักงานสอบสวนโดยเร็ว เพื่อให้สาธารณชนคลายข้อกังวลต่อประเด็นการใช้ความรุนแรงในการจับกุมผู้ต้องสงสัยกระทำความผิด และเรียกร้องให้บุคคลในหน่วยงานรัฐที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล กองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุติการให้ความเห็นในลักษณะชี้นำรูปคดีหรือแทรกแซงการทำงานของพนักงานสอบสวน
ขณะเดียวกัน เรียกร้องให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดกระบวนการไต่สวนการตายตามกฎหมายเพื่อให้ความจริงและความเป็นธรรมปรากฏโดยเร็ว และแจ้งความคืบหน้าต่อครอบครัวและสาธารณะเป็นระยะ นอกจากนี้ ได้เรียกร้องให้หน่วยงานทหารยุติบทบาทในการปฏิบัติการทางจิตวิทยาโดยสิ้นเชิง เพราะการกระทำดังกล่าวแทนที่จะเป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนกับรัฐ แต่กลับจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวและไม่ไว้วางใจมากยิ่งขึ้น