พระฉาวสึกบกดวดเหล้าโผล่แล้ว เจ้าคณะจังหวัดฯ สั่งพ้นพระสังฆาธิการ

ลำปาง - เจ้าอาวาสฉาว ปิดวัด-สึกบก เที่ยวดวดเหล้าเมาแอ๋กลางเชียงใหม่ว่อนโซเชียลฯ โผล่แล้ว หลังกบดานหลบบ้านญาติ ล่าสุดเข้าพบเจ้าคณะอำเภอแม่ทะ รับทราบคำสั่งปลดพ้นพระสังฆาธิการจากเจ้าคณะจังหวัดลำปาง พร้อมรับเงื่อนไขเข้าปริวาสกรรมให้พ้นอาบัติ

เย็นวันนี้ (23 เม.ย.) พระอธิการศรีทูน อนุจารี เจ้าคณะตำบลบ้านกิ่ว และเจ้าอาวาสวัดสันนารินทร์ ได้นำพระอธิการเอกยุทธ ปญญาวชิโล เจ้าอาวาสวัดสันดอยน้อย-เลขาธิการเจ้าคณะตำบลบ้านกิ่ว ซึ่งตกเป็นข่าวอื้อฉาวกรณีมีภาพสึกบก ปิดวัดหนีเที่ยว นุ่งสบงดื่มเหล้ากลางเชียงใหม่จนเมามาย พร้อมชาวบ้านกว่า 20 คน เข้าพบพระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ และเจ้าอาวาสวัดศรีอ้วน เพื่อรับทราบคำสั่งในกรณีที่เกิดขึ้น

หลังจากเจ้าคณะอำเภอแม่ทะได้ไปติดตามเรื่องกับเจ้าคณะตำบลช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งได้รายงานว่า “พระอธิการเอกยุทธ ปญญาวชิโล ได้หนีไปแล้วไม่สามารถติดต่อได้” แต่เมื่อกลับมาถึงวัดแล้วได้มีชาวบ้านรายงานว่า พระอธิการเอกยุทธไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่ไปอาศัยบ้านญาติ” ทางเลขาฯ เจ้าคณะอำเภอฯ จึงประสานงานสั่งการให้เจ้าคณะตำบลฯ ติดต่อญาติของพระอธิการเอกยุทธเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เมื่อทราบว่าอยู่ที่บ้านจริงจึงได้ไปรับตัวมาพบเจ้าคณะอำเภอดังกล่าว

เมื่อมาถึงทางพระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ และพระมหาวัชรวีร์ วชิรเมธี เลขานุการเจ้าคณะอำเภอแม่ทะ ได้อธิบายให้ฟังถึงความผิดที่เกิดขึ้น ซึ่งมี 2 ข้อที่ปรากฏตามรูปภาพในโซเชียลมีเดีย คือ การแต่งกายเลียนแบบคฤหัสถ์ (สวมเสื้อยืด สวมหมวก) และดื่มน้ำเมาจนไม่มีสติ (ภาพที่นอนหมดสติในรถยนต์) ซึ่งถือว่า “ปาจิตตีย์ จนทำให้เกิดโลกวัชชะ ชาวโลกติเตียน”

และล่าสุดวันนี้ทางเจ้าคณะจังหวัดลำปาง พระราชจินดานายก ก็ได้ส่งหนังสือแจ้งมายังเจ้าคณะอำเภอฯ เรื่องให้พ้นจากตำแหน่งพระสังฆาธิการ โดยระบุว่า พระอธิการเอกยุทธ ปญญาวชิโล ได้ละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ อันไม่เหมาะสมกับสมณสารูป ตามมติมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการแต่งตั้งและถอดถอนพระสังฆาธิการ ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในข้อ 54 แห่งกฎมหาเถรสมาคม (ข้อที่ 5)

เจ้าคณะจังหวัดลำปางได้พิจารณาแล้ว จึงให้พระอธิการเอกยุทธ ปญญาวนิโร พ้นจากตำแหน่งพระสังฆาธิการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นั่นหมายถึงพ้นจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดสันดอยน้อย-เลขาธิการเจ้าคณะตำบลบ้านกิ่ว และเมื่อเจ้าตัวมาปรากฏก็จะต้องให้ไปเข้าปริวาสกรรม เพื่อนำตนให้พ้นจากอาบัติ ตามเงื่อนไขทางพระวินัยและเงื่อนไขของสงฆ์

ขณะที่พระอธิการเอกยุทธ ปญญาวชิโล ได้กล่าวกับเจ้าคณะอำเภอแม่ทะว่า ข่าวที่ปรากฏนั้นเกินจริง ส่วนภาพที่ปรากฏนั้นเป็นภาพก่อนที่จะเข้ามาอุปสมบท ซึ่งขณะนั้นเป็นชาวบ้านระหว่างเป็นเณรจะบวชเป็นพระ ได้ลาสิกขาไป 7-8 วัน ระหว่างนั้นก็ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง

ส่วนที่ในข่าวระบุว่าพระได้หายออกจากวัด วันนี้จึงได้นำคนขับรถมาด้วย เพื่อยืนยันว่า ในวันดังกล่าวตนอยู่ที่วัดไม่ได้ไปไหน ส่วนที่บอกว่าตนหนีไปแล้วนั้น ก็เนื่องจากว่าหลังมีข่าวเกิดขึ้นนักข่าวไปตามที่วัด ผู้ใหญ่จึงแนะนำไม่ให้พบกับนักข่าวเพราะข่าวกำลังดัง จึงได้มาพักอยู่ที่บ้านญาติแทน โดยยังไม่ได้ออกนอกพื้นที่ตามที่เป็นข่าว

ขณะที่ชาวบ้านที่มาด้วยก็ไม่อยากให้พระอธิการเอกยุทธออกไปจากวัด โดยบางคนขอให้แก้ข่าวว่าภาพนั้นไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ร้าย เพราะในหมู่บ้านมีความขัดแย้งกัน

พระมหาวัชรวีร์ วชิรเมธี เลขานุการเจ้าคณะอำเภอแม่ทะ จึงชี้แจงในประเด็นนี้ว่า ก่อนหน้านี้ได้มีนักข่าวโทรศัพท์สอบถามและตนก็เคยตอบไปเช่นนั้น เนื่องจากได้รับรายงานจากเจ้าคณะตำบลรายงานว่าภาพนั้นเกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว แต่นักข่าวก็ได้ตอบกลับมาว่า “หากดูตามรูปร่างพระอธิการเอกยุทธที่ปรากฏตามข่าวแล้ว เปรียบเทียบรูปเดิมเมื่อหลายปีก่อนตามเฟซบุ๊ก จะเห็นว่าเมื่อก่อนพระอธิการเอกยุทธจะไม่อ้วนขนาดนี้”

และเท่าที่ทราบคือ ภาพที่ปรากฏเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้จริง ดังนั้นขอแนะนำให้ทำตามที่เจ้าคณะอำเภอฯ แนะนำ ซึ่งพระอธิการเอกยุทธก็ยอมรับ แต่ขอเวลา 2-3 วันในการสะสางเอกสาร-งานของวัดให้เสร็จ และไปเข้าปริวาสกรรม แต่ยังไม่ระบุว่าจะไปกี่วัน

ทั้งนี้ พระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ ได้วอนถึงสื่อที่ลงความเห็นตามข่าวต่างๆ ว่า เจ้าคณะอำเภอฯ ปกป้องพระที่ทำผิดนั้น อยากขอชี้แจงว่าได้ทำตามกฎระเบียบวินัยสงฆ์แล้ว เนื่องจากความผิดที่ปรากฏมีเพียง 2 ข้อเท่านั้น และหลังจากกลับมาจากการเข้าปริวาสกรรมแล้วก็คงมีการตั้งกรรมการสอบวินัยอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่ทางชาวบ้านอาจจะยังไม่เข้าใจ และติดใจเกี่ยวกับเนื้อหาในข่าวที่อาจจะกระทบกับชาวบ้านนั้น คงเป็นเรื่องของชาวบ้าน ขณะนี้ทางสงฆ์จบแล้ว