ประจวบคีรีขันธ์ - “สุวิระ” นำพนักงานสอบสวน และไอ้ใหญ่ ผู้ต้องหาฆ่ายกครัว 3 ศพ แล้วเผาอำพรางคดีที่สามร้อยยอดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางประชาชนมารอตะโกนสาปแช่งผู้ต้องหา
วันนี้ (23 เมย) พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ 10 พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พ.ต.อ.บุญเลิศ บวรมหาชนก ผกก.สภ.สามร้อยยอด พร้อมด้วยชุดพนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด ได้นำตัว นายนิพนธ์ หรือใหญ่ ช้างแก้ว อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าครอบครัวผู้ดูแลนากุ้งในอำเภอสามร้อยยอด เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา
ประกอบด้วย นายสำราญ เพชรประดับ อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน พร้อมด้วย น.ส.รุ้งทิพย์ สายทอง อายุ 38 ปี และ ด.ญ.ประภัสสร เพชรประดับ อายุขวบครึ่ง บุตรสาว และเผาบ้านเพื่ออำพรางคดี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 7 ตำบลศาลาลัย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยมีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าวมารอดูเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้ต้องจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยกู้ภัยมูลสว่างเมธีธรรมสถานสามร้อยยอด มาอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัย ป้องกันการรุมประชาทัณฑ์
ก่อนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ 10 ได้เข้าพูดคุยทำความเข้าใจต่อญาติของผู้เสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายใหญ่ ผู้ต้องหาลงจากรถตู้เพื่อมาทำแผนขั้นตอนการลงมือก่อเหตุ
โดยนายใหญ่ ได้อธิบายขั้นตอนในวันเกิดเหตุว่า ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ได้เดินมาเรียกนายสำราญ สอบถามว่าเป็นคนแจ้งตำรวจมาจับตนหรือไม่ ซึ่ง นายสำราญ บอกว่าไม่รู้เรื่อง นายใหญ่ได้ทำท่าหันหลังกลับ และหยิบอาวุธปืนขนาด 11 มม.ที่เตรียมไว้มาจ่อยิงนายสำราญ 1 นัด
จากนั้น นายสำราญ ได้หันหลังวิ่งหนีเข้าบ้านตนจึงตามไปยิงซ้ำจนกระสุนหมดแมกกาซีน จากนั้นตนจึงเข้าไปในบ้าน พบ น.ส.รุ้งทิพย์ กอดประคองลูกไว้ในอ้อมกอด นายใหญ่ จึงยิง น.ส.รุ้งทิพย์ จากด้านหลังหลายนัด จนร่างของ น.ส.รุ้งทิพย์ ล้มหงาย และกระสุนก็ทะลุผ่านร่างไปโดนลูกสาวจนเสียชีวิต
หลังก่อเหตุนายใหญ่ ได้เดินไปที่บ้านพักของตนเองซึ่งอยู่ใกล้กัน จากนั้นเวลาประมาณ 04.00 น. ตนได้กลับมาบ้านที่เกิดเหตุ เห็นแกลลอนน้ำมันวางอยู่ข้างรถยนต์ของ นายสำราญ จึงได้ยกแกลลอนน้ำมันราดน้ำมันไปบนตัวรถ และเข้าไปราดน้ำมันภายในบ้านบริเวณร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย และราดไปที่บริเวณกองเสื้อผ้า และใช้ไฟแช็กจุดไฟไปที่กองผ้าจนเพลิงลุกไหม้
จากนั้นตนก็ออกมายืนดูผลงานบริเวณหน้าบ้าน จนแน่ใจว่าเพลิงเผาบ้านทั้งหลัง ก่อนจะขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป และนำปืนที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนไว้ในท่อระบายน้ำในบ่อน้ำของนายประยูร เพชรประดับ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ แล้วก็หลบหนีไป จนมาถูกตำรวจจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ระหว่างการนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชาวบ้านที่มามุงดูต่างตะโกนสาปแช่ง นายใหญ่ ที่ใจคอโหดเหี้ยมฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กวับขวบเศษที่ไม่รู้เรื่อง ขอให้ประหารชีวิต ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวนายใหญ่ ออกจากที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่ทำแผนเสร็จสิ้น
พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ 10 กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ ได้สั่งการให้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเข้ามาร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด จนมีหลักฐานเอาผิดผู้กระทำผิดอย่างชัดเจน และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างรัดกุม
โดยขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน คือ นายนิพนธ์ หรือใหญ่ ช้างแก้ว ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ และรายที่ 2 คือ นายประยูร เพชรประดับ ซึ่งเป็นญาติของผู้ตาย ในข้อหากระทำความผิดฐานช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ซ่อนเร้น เอาไปเสียซึ่งเป็นพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
โดยสาเหตุที่ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุเพราะโกรธแค้นเนื่องจากเข้าใจว่านายสำราญ เป็นคนแจ้งตำรวจมาจับตนในข้อหามียาบ้า จำนวน 6 เม็ด และมีอาวุธปืน ซึ่งคดีนี้ก็ถือว่าคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว และรัดกุม