ตลาด “ช่องสายตะกู” เริ่มคึกคัก แต่บ่อนเขมรยังวังเวง! เหตุไทยคงกฎเหล็กห้ามต่างถิ่นข้ามแดน

บุรีรัมย์ - ตลาดการค้า “ช่องสายตะกู” อ.บ้านกรวด บุรีรัมย์ ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังชาวกัมพูชาข้ามมาซื้อสินค้า จากที่ก่อนหน้านี้เงียบเหงาเพราะกัมพูชาประท้วงไม่ให้ ปชช.เข้ามาซื้อของฝั่งไทย เหตุไม่พอใจที่ไทยห้ามคนนอกพื้นที่ อ.บ้านกรวด ข้ามแดนเข้าไปฝั่งกัมพูชา ขณะตลาดฝั่งกัมพูชาและกาสิโนยังวังเวง เพราะไทยยังคงกฎเหล็กข้ามแดนได้เฉพาะคนในพื้นที่เช่นเดิม

วันนี้ (21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ตลาดการค้าชายแดนจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งโดยมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวกัมพูชาข้ามแดนเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และปุ๋ยฝั่งไทยคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมียอดการค้าขายประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของการค้าขายในช่วงวันศุกร์ของแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ แม้การค้าขายยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติเหมือนที่ผ่านมา แต่สร้างความดีใจและพอใจให้แก่พ่อค้าแม่ค้าฝั่งไทย จากที่ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนหน้านี้เงียบเหงายอดค้าขายแทบเป็นศูนย์ เนื่องจากทางฝั่งกัมพูชามีการประท้วงกดดันโดยไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาข้ามมาซื้อสินค้ายังฝั่งไทย เพราะไม่พอใจที่ไทยห้ามไม่ให้คนนอกเขตพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ข้ามแดนเข้าไปท่องเที่ยวซื้อสินค้าและเล่นการพนันในกาสิโน “สายตะกูรีสอร์ต แอนด์ กาสิโน” (SAITAKU RESORT AND CACINO) ฝั่งช่องจุ๊บโกกี ต.อัมปึล อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการส่งตัวแทนระดับพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายพูดคุยเจรจากันทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลง และประชาชนชาวกัมพูชาเริ่มกลับเข้ามาซื้อสินค้ายังตลาดฝั่งไทย และคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่บรรยากาศตลาดช่องจุ๊บโกกี ฝั่งกัมพูชา ล่าสุดยังคงเงียบเหงา เนื่องจากฝั่งไทยยังไม่อนุญาตให้คนนอกพื้นที่อำเภอบ้านกรวดข้ามแดนเข้าไปยังฝั่งกัมพูชา โดยยังคงปฏิบัติตามประกาศข้อตกลง เมื่อปี 2554 ว่าจุดผ่อนปรนดังกล่าวเปิดเพื่อทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันเท่านั้น แต่เมื่อมีการเปิดบ่อนกาสิโนจะต้องมีการยกระดับเป็นด่านผ่านแดนถาวร หรือได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยตามขั้นตอน เพราะต้องใช้พาสปอร์ต หรือหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Border Pass) ในการผ่านแดนเข้าออกจึงจะสามารถให้ประชาชนทั่วไปผ่านแดนเข้าออกได้เหมือนจุดผ่านแดนทั่วไป

นางสุพล โสดามรรค อายุ 48 ปี แม่ค้าขายขนมอบกรอบที่ตลาดช่องสายตะกู กล่าวว่า จากปัญหาความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทำให้ไม่สามารถขายของได้มาเป็นสัปดาห์แล้วทำให้ขนมที่สั่งมาไว้ขายค้างสต๊อกและบางส่วนเสียหายทำให้ประสบปัญหาขาดทุน แต่หลังจากมีการเจรจาพูดคุยกันชาวกัมพูชาเริ่มกลับเข้ามาซื้อของฝั่งไทยแต่ยังไม่เป็นปกติ หากเทียบกับบรรยากาศการค้าขายวันศุกร์ของแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะประมาณแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และยังไม่รู้จะเข้าภาวะปกติตอนไหน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และหากเป็นไปได้ก็อยากให้เปิดทำการค้าขายแบบเสรีเหมือนกับด่านทั่วไป เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถขายสินค้าได้เป็นปกติ

ขณะที่นายสุวรรณี ไมค์ ผู้ประสานงานจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูฝั่งกัมพูชา กล่าวว่า สาเหตุที่พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนฝั่งกัมพูชาไม่ข้ามมาซื้อสินค้าฝั่งไทยช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่พอใจที่ฝั่งไทยมีการจำกัดให้เฉพาะคนในพื้นที่ อ.บ้านกรวด ข้ามพรมแดน แต่ฝั่งกัมพูชาเปิดให้ประชาชนทั่วไปข้ามมาได้เป็นปกติ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าฝั่งกัมพูชาขายของไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.ที่มีการเปิดกาสิโน และหากไทยยังคงจำกัดคนเข้าออกแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม่ค้าฝั่งกัมพูชาอาจทำการประท้วงกดดันไม่ข้ามมาซื้อของฝั่งไทยอีกก็เป็นได้ จึงอยากให้ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่ายพูดเจรจาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเบื้องต้นอย่างน้อยควรจะอนุญาตให้คนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ผ่านเข้าออกได้ เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชาอยู่ได้