xs
xsm
sm
md
lg

แค่ 2.5 ไร่! แต่ครอบครัว “ปู่มะรัตน์” เดินตามรอยพ่อหลวงทุกวันนี้มีทั้งเงินและความสุข

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครพนม - ครอบครัว “ปู่มะรัตน์” เป็นอีกตัวอย่างของเกษตรกรที่มีกินมีใช้อย่างมีความสุข เพราะน้อมนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาปรับใช้ในการทำเกษตรในพื้นที่แค่ 2.5 ไร่ แต่ปลูกไม้ผล พืชผักหมุนเวียนสามารถเก็บขายได้ทุกวันอย่างต่ำวันละ 400-500 บาท

การทำ “เกษตรทฤษฎีใหม่” เป็นหลักการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการบริหารงานในการทำการเกษตรเข้าด้วยกันที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ มีพระราชดำริขึ้น และพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข

ซึ่งครอบครัวของนายบ่วง ปู่มะรัตน์ เกษตรกรบ้านดอนนาหงษ์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ก็เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ได้น้อมนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จนทำให้ทุกวันนี้เขาและลูกเมียมีความสุข ไม่เดือดร้อนในเรื่องรายได้

นายบ่วง ปู่มะรัตน์ เปิดเผยว่า ตนมีที่ดินอยู่แค่ประมาณ 2.5 ไร่ ไม่ได้แบ่งพื้นที่ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการนำเอามาปรับใช้แทน โดยทุกอย่างจะเริ่มจากการอ่านหนังสือ ดูทีวี ปรึกษาหน่วยงานราชการและผู้ที่ประสบความสำเร็จแล้ว จากนั้นก็จะทดลองปลูกพืชทีละอย่างในจำนวนที่ไม่มากนักเพื่อดูการเจริญเติบโต วิธีการดูแลรักษา และผลผลิตที่ได้ ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่

ซึ่งถ้าได้ผลดีก็จะขยายผลปลูกพืชผักชนิดนั้นเพิ่มขึ้น พร้อมๆ กับการลงทุนปลูกพืชชนิดอื่นแซมต่อไปเรื่อยๆ ใช้ที่ดินที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด


ทำให้ขณะนี้พื้นที่สวนของตนมีพืชหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะพร้าว มะม่วง มะยงชิด ขนุน ลิ้นจี่ แก้วมังกร ขิง ข่า ตะไคร้ กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง สับปะรด ต้นไผ่เลี้ยงน้อง ข้าวโพด และถั่วฝักยาว ซึ่งพืชบางชนิดสามารถปลูกในพื้นที่รวมกันได้ อย่างเช่น ข้าวโพด ตนก็จะปลูกกับไม้เลื้อยอย่างถั่วฝักยาว เพื่อใช้ลำต้นของข้าวโพดเป็นที่ยึดเหนี่ยวของต้นถั่ว ทำให้ลดต้นทุนในการใช้ไม้แคร่

นายบ่วงบอกอีกว่า ผลผลิตในสวนของตนจะเป็นแบบอินทรีย์ทั้งหมด ปัจจัยการผลิตบางอย่างแทบไม่ต้องซื้อหา อย่างเช่น ปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืชก็จะนำความรู้ที่ได้จากเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาที่ดินมาทำไว้ใช้เอง ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยหมัก น้ำหมักสารชีวภาพ ซึ่งก็มาจากซากพืชที่เหลือใช้ในแปลงเกษตรและเศษอาหารในครัวเรือนทั้งสิ้น

ส่วนน้ำก็จะได้จากบ่อบาดาลที่เจาะเอาไว้ และขณะนี้ก็ถือว่าเป็นโชคดีอีกชั้น เพราะรัฐบาลได้มีโครงการเกษตรแปลงใหญ่ในพื้นที่แถวนี้ ทำให้ในอนาคตจะมีน้ำเพิ่มมากขึ้นจากการส่งน้ำมาช่วยเหลือเพิ่มเติมของกรมชลประทาน

ขณะที่นางพรรณงาม ปู่มะรัตน์ ภรรยา เล่าว่า ผลผลิตที่ได้จากพื้นที่ทั้งหมดจะเป็นลักษณะหมุนเวียนตามฤดูกาล โดยจะมีคนมาสั่งจองล่วงหน้า เมื่อเก็บผลผลิตได้แล้ว ตนก็จะนำไปส่งตามตลาดนัดชุมชน หรือบางครั้งพ่อค้า แม่ค้าก็จะเดินทางมารับเองถึงสวน สำหรับราคาขายนั้นจะขายในราคาส่ง ซึ่งแต่ละวันจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 400-500 บาท

แต่ในช่วงนี้จะมีรายได้สูงขึ้นกว่าปกติเพราะการขายหน่อกล้วยที่เพาะพันธุ์ไว้ ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะตนขายที่ราคา 35 บาทต่อหน่อ ขณะที่ท้องตลาดขายกันในราคา 50 บาท

“แต่ถ้าซื้อมากเราก็จะลดราคาลงอีก เหลือเพียง 3 หน่อ 100 บาท ซึ่งถ้าถามว่าคุ้มไหมก็ต้องตอบว่าคุ้มเพราะทุกอย่างต้นทุนไม่ได้สูงอะไร เพียงแค่ขยันเพาะพันธุ์ไว้ในสวน” นางพรรณงามบอก และว่า

ที่สำคัญคือครอบครัวตนถือว่าได้แบ่งปันอาหารและความสุขให้แก่คนที่มาซื้อด้วย เหมือนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงแบ่งปันทุกอย่างให้แก่พสกนิกรชาวไทยรวมถึงครอบครัวของเราด้วย ทำให้เรามีกิน มีใช้ และได้อยู่กันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข


กำลังโหลดความคิดเห็น