xs
xsm
sm
md
lg

ชุดพญาเสือตรวจสอบแคมป์ช้างทวีชัย หากพบรุกที่อุทยานฯ สั่งปิดทันที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - หัวหน้าชุดพญาเสือ ควง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ตรวจสอบแคมป์ช้างทวีชัย แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเมืองกาญจน์ หากพบรุกที่อุทยานฯ เอราวัณ พร้อมสั่งปิดกิจการทันที

วันนี้ (19 เม.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน.ชุดพญาเสือ) นายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายปรยุษณ์ ไวว่อง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ร.ต.ท.สุวัฒน์ ห้วยหงษ์ทอง รอง สว.กก.5 บก.ปทส.

พ.ต.ท.รัชพล กิตติคุณชนก สว.กก.สส.เจ้าหน้าที่ชุด ตร.ปทส.ภ.จว.กาญจนบุรี ร.อ.เมธี จงโยธา หน.ชุดร้อย รส.ที่ 1 ร.9 พัน 1 นายฉัตรชัย สรรพกิจ ปศุสัตว์อำเภอเมืองกาญจนบุรี นายรวัสสรร ศิลปาภิสันทน์ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดกาญจนบุรี นายกฤต มังกะโรทัย ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี น.ส.ปภัสสรณ์ แดงกูล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลช่องสะเดา นายวสันต์ สุตจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา นายธนะพล ตัณยะกุล สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขากาญจนบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมสรรพกรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกำลังกว่า 100 นาย เดินทางมาที่หน่วยพิทักษ์ป่าท่าทุ่งนา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ หมู่ 1 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้ เพื่อร่วมประชุมวางแผนทำความเข้าใจในการนำกำลังเข้าตรวจสอบที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของแคมป์ช้างทวีชัย เลขที่ 14/1 หมู่ 6 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นของ นายทวี หลงสกุล หรือบังตุ๊ โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 64/2557 ลงวันที่ 14 มิ.ย.2557 และคำสั่งที่ 66/2557 ลงวันที่ 17 มิ.ย.2557

สำหรับพื้นที่แคมป์ช้างทวีชัย ตั้งอยู่ค่าพิกัดที่ 47 P๐524165 E 1571750 N (WGS 84) โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงได้เริ่มเคลื่อนกำลังไปยังแคมป์ช้างดังกล่าว

เมื่อไปถึงพบบรรยากาศภายในแคมป์ช้างทวีชัยนั้นค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเหมือนทุกวันแต่อย่างใด ส่วนช้างที่มีอยู่ จำนวน 28 เชือก ควาญช้างได้นำไปล่ามโซ่เอาไว้ตามจุดต่างๆ ที่เป็นที่อยู่ของช้าง ระหว่างนั้น นายดำรง หลงสกุล อายุ 47 ปี ลูกชายเจ้าของแคมป์ช้างทวีชัย ได้เข้ามาพบคณะเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง และนำพาคณะเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ดินเพื่อวัดค่าพิกัดทางดาวเทียม รวมทั้งตรวจสอบอาคารสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ทั้งหมด

เบื้องต้น เมื่อเวลา 14.30 น. จากการตรวจสอบปรากฏพบสิ่งปลูกสร้างจำนวนหลายหลัง ลักษณะก่อสร้างเป็นแบบถาวรกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ รวมสิ่งปลูกสร้างภายในบริเวณ จำนวน 45 รายการ เช่น โรงเลี้ยงช้าง ศาลาเทียบขึ้นช้าง ศาลานั่งพักรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งสำนักงานที่ทำการ เป็นต้น

นอกจากนี้ ภายในพื้นที่มีการดำเนินกิจการปางช้าง ประกอบด้วย กิจกรรมนั่งช้างชมธรรมชาติ ล่องแพไม้ไผ่ อาบน้ำช้าง ให้อาหารช้าง ชมการแสดงช้างอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบจนถึงขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ ก็จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปในวันที่ 20 เม.ย.2560

ด้าน นายทวี หลงสกุล หรือบังตุ๊ อายุ 73 ปี ได้เดินทางมาพบคณะเจ้าหน้าที่พร้อมแสดงตัวว่าเป็นผู้จัดการ และเป็นเจ้าของแคมป์ช้างทวีชัย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน ซึ่งถ้าหากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ก็จะสั่งปิดแคมป์ช้างทวีชัย พร้อมดำเนินคดีผู้ครอบที่ดินตามกฎหมายทันที

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้เราไม่อยากเอ่ยว่าบุคคลใดเป็นผู้ร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ แต่สาเหตุที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเนื่องจากเราต้องการทราบว่า พื้นที่แคมป์ช้างทวีชัย อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณได้อย่างไร และใครเป็นผู้อนุญาต

สำหรับพื้นที่ในการครอบครองเรามั่นใจว่าอยู่ในเขตอุทยานฯ หากผู้ประกอบการสามารถนำเอกสารการครอบครองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ เช่น โฉนดที่ดิน หรือ น.ส.3 และเอกสารอื่นๆ ที่มีอยู่ก็จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าเอกสารนั้นออกมาได้อย่างไร

ด้าน นายดำรงค์ หลงสกุล กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือได้เข้ามาตรวจสอบการครอบครองที่ดินของแคมป์ช้างทวีชัย ซึ่งเอกสารที่เรานำมาแสดงนั้นเป็นเอกสารการครอบครองที่ดินที่เราซื้อต่อมาจากเจ้าของที่ดินคนเก่า เป็นใบ ภบท.5 บางแปลงเป็น ส.ค.1 ทั้งหมด ได้มาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย มีเนื้อที่ทั้งหมด จำนวน 37 ไร่ สำหรับเอกสารที่เรานำมาแสดงนั้นขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ว่าจะเชื่อเราหรือไม่เชื่อเท่านั้น ซึ่งเราเองก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือด้วยดี

เมื่อถามว่าหากมีการสั่งปิดแคมป์ช้างทวีชัย แล้วเราจะยอมรับได้ไหม ส่วนตัวแล้วตอบได้ว่าไม่มีปัญหา แต่เมื่อพูดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลี้ยงช้าง บุคลากร รวมทั้งรายได้ที่เรานำเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ ก็เหมือนเป็นการพูดแบบเลื่อนลอย เพราะทุกอย่างนั้นมันเกี่ยวโยงกันทั้งหมด ส่วนเรื่องการเสียภาษีนั้น ทางแคมป์ช้างของเรามีเอกสารมายืนยันทั้งหมด และสามารถตรวจสอบได้



กำลังโหลดความคิดเห็น