ศรีสะเกษ - คืบหน้ากลุ่มวัยรุ่นศรีสะเกษโหดรุมกระทืบ 2 หนุ่มสาว ล่าสุดแพทย์ผ่าตัดกะโหลกหนุ่มเหยื่อเคราะห์ร้ายนานกว่า 3 ชม. ขณะแฟนสาวเหยื่อเผยนาทีชีวิตถูกรุมกระทืบ ทุบกระจกรถ และใช้เท้าถีบประตูรถก่อนทำให้แฟนหนุ่มโกรธลงมาเคลียร์แต่ถูกรุมยำเละ กะโหลกร้าว กรามหัก ดั้งจมูกหัก ขณะตำรวจส่ง 5 ผู้ต้องหาไปฝากขังผลัดแรก
วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สองหนุ่มสาวขับขี่รถเก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว วิ่งสวนเลนเข้าไปในถนนด้านหลังตลาดเม่งอุย ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นกำลังเล่นน้ำสงกรานต์กันอยู่ และได้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ทำให้กลุ่มวัยรุ่นได้พากันรุมชกทำร้ายร่างกายชายหญิงที่มากับรถได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยชายคนหนึ่งไม่สวมเสื้อใช้เท้าเตะเข้าไปที่ใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งกอดแฟนหนุ่มอยู่อย่างแรงจนทำให้หญิงสาวฟุบลงไปกองกับพื้นสลบคาที่ ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวน สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ครบทั้งหมด 5 คน และได้มีพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.15 น. วันนี้ ที่อาคาร 3 ห้อง 3108 โรงพยาบาลศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดโรงพยาบาลศรีสะเกษได้เข็นรถนำ นายคมกริช แสงกอง อายุ 33 ปี เหยื่อของกลุ่มวัยรุ่นโหด ออกมาจากห้องผ่าตัดเพื่อนำเข้ามาพักฟื้นที่ห้องพิเศษ โดยแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษได้ใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมงในการผ่าตัดบริเวณศีรษะเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนายคมกริช
โดยมี นางหนูเจียม วันศรี อายุ 54 ปี แม่ของนายคมกริช และ น.ส.ปิยวรรณ สามสี อายุ 21 ปี แฟนสาว ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บฟกช้ำบริเวณใบหน้าและศีรษะ พร้อมด้วยน้องสาวของนายคมกริชมาคอยรอรับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำนายคมกริชขึ้นนอนบนเตียงผู้ป่วย โดยบริเวณใบหน้ามีรอยบาดแผลบวมช้ำและที่บริเวณศีรษะมีผ้าพันรอบเอาไว้ ส่วนตามร่างกายมีรอยฟกช้ำทั่วร่าง แพทย์พยาบาลได้ดูแลอาการของนายคมกริชอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอาการยังไม่น่าไว้วางใจ น.ส.ปิยวรรณ และแม่ของนายคมกริชได้นำเอาผ้าห่มมาห่มให้ถึง 2 ผืนเนื่องจากนายคมกริชมีอาการหนาวสั่นมาก
นางหนูเจียม ซึ่งเป็นแม่ของนายคมกริช กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพของ นายคมกริชที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสว่า ตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลุ่มคนร้ายมีจิตใจที่โหดเหี้ยมเกินไป หากว่าลูกชายของตนทำผิดอะไรจะตบตี 1 ครั้ง 2 ครั้งแล้วส่งตัวให้ตำรวจก็ไม่ว่ากัน แต่นี่เป็นการรุมทำร้ายเหมือนกับต้องการจะฆ่าให้ลูกของตนตายไปจากโลกนี้ อยากถามกลุ่มคนร้ายว่าหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับญาติพี่น้องของพวกเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร กลุ่มคนร้ายรุมกระทืบลูกชายของตนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกศีรษะร้าว กรามหัก จมูกหัก สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ไม่รู้ว่าเมื่อรักษาหายแล้วจะมีสภาพปกติเช่นเดิมหรือไม่ เพราะขณะนี้ถามอะไรนายคมกริชจะตอบไม่รู้เรื่อง มีอาการเบลออย่างหนัก เรื่องนี้ตนเสียใจมากและจะเอาเรื่องกลุ่มคนร้ายตามกฎหมายจนถึงที่สุด
แม่ของเหยื่อเคราะห์ร้ายกล่าวต่อว่า ขณะนี้หวาดกลัวว่าพวกกลุ่มคนร้ายจะตามมาฆ่าลูกของตนเนื่องจากทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นพวกผู้มีอิทธิพลมากกลุ่มหนึ่งในเขต อ.กันทรลักษ์ ก่อนหน้านี้ลูกชายของตนต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องธรรมดา แต่ตนกลัวว่าพวกคนร้ายจะตามมาฆ่า ตนหวาดผวามาก ดังนั้นจึงได้ไปกู้ยืมเงินมาเพื่อนำลูกชายเข้าพักรักษาตัวในห้องพิเศษ คืนละ 700 บาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อน แต่ยอมเดือดร้อนทุกอย่างเพื่อให้ลูกชายหายเป็นปกติ ซึ่งแพทย์แจ้งว่าแม้จะรักษาอาการบาดเจ็บแล้วจะต้องมาตรวจที่โรงพยาบาลศรีสะเกษทุกระยะตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก
ทางด้าน น.ส.ปิยวรรณ แฟนสาวของนายคมกริช กล่าวถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ถูกรุมกระทืบว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ลงจากรถเพื่อไปซื้อน้ำดื่ม จากนั้นจะพากันเดินทางกลับบ้านพักที่สี่แยกบ้านจาน และได้ขับรถเข้ามาที่บริเวณเกิดเหตุ โดยด้านหน้ารถของตนมีรถเก๋งสีขาวเช่นกันอยู่ข้างหน้า และกำลังถอยหลังออกมา ดังนั้นนายคมกริชแฟนของตนจึงได้บีบแตร 1 ครั้งเพื่อเป็นการเตือนไม่ให้รถคันหน้าที่กำลังถอยหลังมาชนรถของตน โดยด้านหลังรถของตนก็มีรถยนต์คันหนึ่งอยู่ด้วยทำให้ถอยไม่ได้ ซึ่งคาดว่าการที่รถของตนบีบแตรจะทำให้กลุ่มวัยรุ่นเข้าใจว่าพวกตนบีบแตรใส่
จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้เข้ามารุมล้อมรถที่ตนนั่งอยู่ โดยได้พากันทุบกระจกรถตรงบริเวณจุดที่ตนนั่งและบริเวณด้านคนขับ และมีชายคนหนึ่งใช้เท้าถีบที่บริเวณประตูรถ ซึ่งขณะนั้นนายคมกริชเห็นว่าเหตุการณ์จะรุนแรงจึงได้เปิดประตูรถลงไปเพื่อจะได้เคลียร์ปัญหากัน แต่กลุ่มวัยรุ่นได้เข้ามารุมทำร้ายร่างกายนายคมกริชอย่างป่าเถื่อนโหดร้ายมาก
น.ส.ปิยวรรณกล่าวต่อว่า เมื่อตนเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นได้รีบลงจากรถเพื่อที่จะเข้าไปห้ามปรามไม่ให้ทำร้ายนายคมกริช แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่ฟัง ไม่ยอมหยุด และได้กระชากตนออกมา ด้วยความหวาดกลัวตนจึงได้วิ่งหนีตายเข้าไปหลบในรถ และได้มีคนร้ายตามไปดึงกระชากร่างของตนปลิวออกมาจากรถ ซึ่งตนเห็นนายคมกริชนอนสลบอยู่กับพื้นถนนจึงได้เข้าไปกอดเอาไว้ เพราะหากมีการทำร้ายนายคมกริชซ้ำอีก อาจทำให้นายคมกริชเสียชีวิตได้ แต่ทันใดนั้นได้มีคนร้ายกระทืบตนที่ศีรษะ 1 ครั้ง และมีคนร้ายอีกคนหนึ่งใช้เท้าเตะตนที่บริเวณใบหน้าอย่างแรง ทำให้ตนสลบคาที่ และไปรู้สึกตัวที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์
แฟนสาวของหนุ่มเคราะห์ร้ายกล่าวด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้บรรดาญาติพี่น้องของตนได้ดูคลิปเหตุการณ์แล้วต่างพากันโกรธแค้นคนร้ายมากที่ทำร้ายตนเหมือนกับ อ.กันทรลักษ์เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน พ่อแม่ของตนจึงให้ตนเอาเรื่องกลุ่มคนร้ายทั้งหมดตามกฎหมายจนถึงที่สุด ส่วนอาวุธปืนและยาเสพติดนั้นไม่ทราบว่าเป็นของใคร แต่สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทของนายคมกริชได้ถูกกระชากขาดหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงส่วนหนึ่งที่นายคมกริชกำอยู่ในมือเอาไว้ ตนขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้จากผู้มีอำนาจในแผ่นดินนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ (18 เม.ย.) พ.ต.อ.ชยากร เทศะบำรุง ผกก.สภ.กันทรลักษ์ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย 1. ท้าวสันติ แจ่มแจ้ง อายุ 50 ปี ที่อยู่ บ้านโพนโฮง แขวงโพนโฮง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 2. นายอนันทชัย หรือ พงษ์พัฒน์ จันทร์อิน อายุ 18 ปี 3.นายสุวิทย์ หรือแป้ง พลสิทธิ์ อายุ 19 ปี 4. นายเจษฎา หรือบาส จินาวัลย์ อายุ 18 ปีเศษ และ 5. นายอนุสรณ์ พรหมกุล อายุ 20 ปี
โดยพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ส่วนท้าวสันติถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมว่า เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และนายอนุสรณ์ได้ถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีกว่าเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต นำไปฝากขังครั้งที่ 1 ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์
หลังจากส่งฝากขังแล้วทางเจ้าหน้าที่เรือนจำกันทรลักษ์ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังไว้ที่เรือนจำกันทรลักษ์ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดมีสิทธิ์ยื่นขอประกันตัวได้เพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
