ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย ผบช.ภาค 5 และจังหวัดเชียงใหม่ นำประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการ พร้อมลงนามความร่วมมือมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยการลักลอบขนส่งไปกับรถยนต์โดยสารสาธารณะ หรือกิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ สกัดกั้นการลักลอบ
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 5 จัดโครงการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการการกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยการลักลอบขนส่งไปกับรถยนต์โดยสารสาธารณะ หรือกิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ โดยมีผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ผู้ประกอบการรถยนต์โดยสารสาธารณะ ผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ และผู้แทนหน่วยราชการที่มีหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการรถยนต์โดยสารสาธารณะการประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 120 คน เข้าร่วมประชุม
ขณะเดียวกัน นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และนายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) “การกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยการลักลอบขนส่งไปกับรถยนต์โดยสารสาธารณะ หรือกิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์” ระหว่าง นายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 พ.ต.อ.มงคล สัมภาวะผล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ นายนภดล พงษ์นิกร ผู้จัดการไปรษณีย์ เขต 5 บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด นายสมาน บุญมั่น นายสถานีเดินรถเชียงใหม่ บริษัทขนส่งเชียงใหม่ ผู้แทนผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ และนายชวลิต สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทนิ่มซี่เส็ง ขนส่ง 1988 จำกัด ผู้แทนผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์
สำหรับการดำเนินงานตามหลักการบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ จะทำให้หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดกำกับดูแลสถานประกอบกิจการรถยนต์โดยสารสาธารณะ กิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนผู้ประกอบการขนส่งตระหนักถึงสภาพปัญหาการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ลักลอบขนส่งไปกับรถยนต์โดยสารสาธารณะ หรือกิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ และร่วมมือกันกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด โดยถือปฏิบัติร่วมกันบนพื้นฐานของความเข้าใจ และความร่วมมือที่เกิดผลดีต่อสังคม และประเทศชาติ
เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการลักลอบขนส่งยาเสพติดไปกับรถยนต์โดยสารสาธารณะ ผ่านผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ยาเสพติดที่น่าเป็นห่วงมาก และต้นทางส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ส่งลงไปยังกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคใต้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือ เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการรับฝากพัสดุภัณฑ์ หรือผู้รับจ้างขนส่งสินค้าให้ความใส่ใจ สังเกตสินค้าที่รับฝาก หากพบเบาะแสยาเสพติดต้องแจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐทราบโดยเร็ว เพื่อร่วมกันหามาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างทันเหตุการณ์
