xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อโกงเงินออมวันละบาทสระแก้ว เข้าร้องนายกฯ สอบไม่โปร่งใส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สระแก้ว - เหยื่อโกงเงินออมวันละบาทสระแก้ว เข้าร้องนายกฯ ดีเอสไอ ตรวจสอบไม่โปร่งใสของกองทุนสวัสดิการชุมชนตาหลังใน และกองทุนสวัสดิการชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อความโปร่งใส และความเชื่อมั่นของสมาชิกกองทุนฯ

วันนี้ (7 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการกองทุนสวัสดิการชุมชนตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ประมาณ 15 คน เดินทางเข้าร้องเรียนให้ตรวจสอบ และดำเนินการกรณีปัญหาความไม่โปร่งใสของกองทุนสวัสดิการชุมชนตาหลังใน หรือโครงการเงินออมวันละ 1 บาท ต่อนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ร.อ.ทองทศ มากสาคร รองประธานธรรมาภิบาลจังหวัดสระแก้ว และทนายความ พาเข้ายื่นร้องต่อ คสช. พร้อมทั้งได้ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และ กระทรวงยุติธรรมด้วย

นางเสริมสวย วงษ์วิชา ชาวบ้าน และตัวแทนผู้เดือนร้อนที่เดินทางเข้ายื่นหนังสือดังกล่าว กล่าวว่า ต้องการให้นายกรัฐมนตรี และทางดีเอสไอ มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบกองทุนสวัสดิการชุมชนทั้งของตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว และกองทุนสวัสดิการชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อความโปร่งใส และความเชื่อมั่นของสมาชิกกองทุนฯ

โดยหนังสือร้องเรียนดังกล่าว ระบุว่า เนื่องด้วยมีนโยบายจากรัฐบาลให้มีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลขึ้น เป็นกองทุนสวัสดิการที่ชาวบ้านในตำบลต่างๆ รวมตัวกันช่วยเหลือเกื้อกูลของคนในท้องถิ่นที่มีรูปแบบ และวิธีการที่หลากหลาย ตามแนวคิดเรื่องสวัสดิการชุมชน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ให้ชาวบ้านในชุมชนออมเงิน หรือสมทบเงินเข้ากองทุนเป็นการออมเพื่อช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกด้วยกัน เช่น ช่วยเหลือในยามเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุนการศึกษา การเสียชีวิต โดยสมาชิกต้องสมทบเงินเข้ากองทุนวันละ 1 บาท และหน่วยงานของรัฐจะสมทบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือหน่วยงานท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อให้กองทุนเติบโต โดยจะเก็บเงินสมทบจากสมาชิกเป็นรายเดือนๆ ละ 30 บาท หรือปีละ 365 บาท

ปัจจุบันมีกองทุนสวัสดิการชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 6,144 ตำบล เงินกองทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เงินทุนส่วนใหญ่เป็นเงินสมทบจากสมาชิกกองทุน ส่วนที่เหลือมาจากการสมทบจากรัฐบาลผ่านสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) รวมทั้งการสมทบจากกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลตาหลังใน เป็นองค์กรสวัสดิการชุมชนตามมาตรา 40/1 พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ.2546 และแก้ไขเพิ่มเติม โดย พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ฉบับที่ 6 พ.ศ.2550 โดยคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ได้รับรองเป็นองค์กรสวัสดิการชุมชน เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2551 ทะเบียนเลขที่ 00225/2551 ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระแก้ว

หนังสือระบุด้วยว่า ตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 21 หมู่บ้าน เป็นสมาชิกกองทุนฯ จำนวน 18 หมู่บ้าน ไม่เป็นสมาชิกกองทุน 3 หมู่บ้าน รวมจำนวนสมาชิกกองทุนฯ มากกว่า 2,000 คน โดยมีตัวแทนแต่ละหมู่บ้าน 1 คน เป็นกรรมการกองทุน และเป็นผู้จัดเก็บเงินนำส่งกองทุนฯ โดยมีการจัดตั้งกองทุนฯ มากกว่า 10 ปี สมาชิกส่งเงินเข้ากองทุนมากกว่า 3 ล้านบาท และในปี 2552 ได้มีการออกระเบียบในการจัดสรรสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิกกองทุนด้านต่างๆ เช่น ค่าการเกิด การคลอดบุตร ค่าป่วย ค่าคนเฝ้าผู้ป่วย ค่าฌาปนกิจ และยังกำหนดอีกว่าจะคืนเงินออมให้แก่สมาชิกที่ลาออก โดยจะคืนเงินให้แก่สมาชิกที่ไม่เคยใช้สิทธิประโยชน์เลย 100% ส่วนสมาชิกที่เคยได้รับสิทธิแล้วจะคืนให้ 90% ของเงินที่ส่งเข้ากองทุน

แต่ต่อมา สมาชิกกองทุนฯ พบการบริหารจัดการเงินกองทุนฯ ที่ไม่โปร่งใส เนื่องจากสมาชิกกองทุนไม่ได้รับสวัสดิการตามข้อตกลงตามระเบียบ ในกรณีขอลาออกจากกองทุนฯ และปัจจุบันกองทุนมีเงินหมุนเวียนในบัญชีเหลือทั้งสิ้นประมาณ 1,020.18 บาท ดังนั้น เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 สมาชิกกองทุนฯ จึงได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2560 สมาชิกกองทุนฯ ได้รวมตัวกันที่ศาลากลางบ้าน หมู่ 1 ต.ตาหลังใน เพื่อจัดประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ทั้ง 18 หมู่บ้าน โดยที่ประชุมมีมติให้ปลดคณะกรรมการชุดเดิม และแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อมาตรวจสอบปัญหา โดยร่วมกับฝ่ายทหาร ธรรมาภิบาลจังหวัด และอำเภอวังน้ำเย็น

ทางอำเภอวังน้ำเย็น ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวขึ้น ซึ่งผู้บริหารกองทุนได้ชี้แจงรายรับ รายจ่ายต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้ำเย็น ว่า กองทุนมีรายรับทั้งหมด 5,612,346 บาท และรายจ่ายทั้งหมด 5,766,021 บาท รวมกองทุนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ จำนวน 153,675 บาท ซึ่งสมาชิกกองทุนเห็นว่า หลายรายการเป็นการจ่ายเกินจริง และไม่มีหลักฐานการจ่ายเงิน ซึ่งสมาชิกกองทุนฯ ไม่สามารถยอมรับได้

แต่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร นายอำเภอวังน้ำเย็น ได้ทำหนังสือสรุปผลการสอบสวนกรณีร้องเรียนกองทุนฯ ว่า ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว มีอำนาจหน้าที่เพียงการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นตามที่มีการร้องเรียนเท่านั้น กองทุนสวัสดิการชุมชนตาหลังใน เป็นกองทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลและตรวจสอบของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระแก้ว ดังนั้น ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้ำเย็น จึงได้ส่งเรื่องให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระแก้ว ตรวจสอบ และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

ภายหลังจากที่ศูนย์ดำรงธรรมได้มีหนังสือสรุปผลการสอบสวนกรณีร้องเรียนดังกล่าว กรรมการของกองทุนฯ และเป็นผู้เก็บเงินจากสมาชิกนำส่งเข้ากองทุน ได้รวบรวมข้อมูล และหลักฐานต่างๆ เช่น ทำบัญชีการจัดเก็บเงินจากสมาชิกกองทุนที่นำเงินส่งเข้ากองทุน และจัดทำบัญชีผู้ที่ได้รับสวัสดิการต่างๆ จากกองทุนฯ และพบว่า กองทุนฯ มีรายรับ รายจ่ายไม่ตรงกับที่ชี้แจงรายงานให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้ำเย็น ดังนี้ 1.ใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝาก ชื่อบัญชี กองทุนสวัสดิการ ต.ตาหลังใน ม.11 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวังน้ำเย็น ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 278-2-59747-0 ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของบัญชีเงินฝากของกองทุน พบว่า กองทุนได้มีการถอนเงินสดออกจากบัญชีไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2558 จำนวน 3 ครั้ง และวันที่ 24 มีนาคม 2560 จำนวน 1 ครั้ง รวมเงินที่ถอนจำนวน 1,155,726 บาท

แต่กรรมการกองทุนฯ ได้จัดทำเอกสารแสดงรายละเอียดการใช้สวัสดิการกองทุนฯ ของแต่ละหมู่บ้าน (รายรับ รายจ่าย) ระหว่างเดือนกันยายน 2558 ถึง เดือนกันยายน 2559 ปรากฏว่า สมาชิกกองทุนใช้สิทธิสวัสดิการรวมเป็นจำนวนเงินที่ไม่ถึงจำนวนที่กองทุนถอนเงินสดออกมา นอกจากนี้ยังมีเงินที่สมาชิกนำส่งเข้ากองทุนเข้าไปเพิ่มด้วย

ดังนั้น การที่กองทุนถอนเงินสดออกมาจากบัญชี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2558 จำนวน 3 ครั้ง และวันที่ 24 มีนาคม 2560 จำนวน 1 ครั้งนั้น เงินจำนวนดังกล่าวมิได้นำไปจ่ายเป็นสวัสดิการให้แก่สมาชิกทั้งหมด อีกทั้งระหว่างเดือนกันยายน 2558 ถึงเดือนกันยายน 2559 ไม่มีรายการฝากเงินที่จัดเก็บได้จากสมาชิกในบัญชีแต่อย่างใด นอกจากนี้ กรรมการกองทุนฯ ทั้ง 18 หมู่บ้าน ได้จัดทำเอกสารแสดงรายละเอียดการสมัครเป็นสมาชิก และการใช้สวัสดิการ ป่วย ตาย ลาออก ทั้งหมดตั้งแต่มีการจัดตั้งกองทุนฯ จนถึงปัจจุบันด้วย

ส่วนข้อ 2.ตามระเบียบกองทุนทั้งของ ปี 2552 และปี 2557 กำหนดว่ากองทุนมีบัญชีธนาคารจำนวน 2 บัญชี แต่จากหนังสือสรุปผลการสอบสวนกรณีร้องเรียนกองทุนฯ ของศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังน้ำเย็น พบว่า กองทุนฯ มีบัญชีธนาคารทั้งสิ้น 3 บัญชี และสมาชิกกองทุนไม่ทราบว่า กองทุนฯ มีบัญชีธนาคารถึง 3 บัญชี

ปัจจุบัน สมาชิกกองทุนฯ ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 900 คน ที่ยื่นลาออกจากกองทุนฯ แล้วไม่ได้รับเงินคืนตามระเบียบของกองทุน และสมาชิกกองทุนฯ มีความจำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องได้รับเงินคืน ซึ่งสมาชิกกองทุนฯ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง และทำการเกษตรและเป็นผู้มีรายได้น้อยและมีหนี้สินมาก อีกทั้งต้องการนำเงินในส่วนนี้ไปใช้จ่ายในครอบครัว และใช้ในการดำรงชีวิตต่อไป

ส่วนสาเหตุที่กองทุนฯ ไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้แก่สมาชิกที่ลาออกตามระเบียบได้นั้น มิใช่เกิดจากการบริหารกองทุนผิดพลาดอย่างแน่นอน สมาชิกของกองทุนฯ ได้ขอให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระแก้ว ตรวจสอบปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่สามารถหาข้อยุติได้

และหนังสือยังระบุอีกว่า กรรมการ และสมาชิกกองทุนฯ จึงขอแจ้งข้อเรียกร้องต่อท่านดังต่อไปนี้ 1.ต้องการให้มีการตรวจสอบ และดำเนินคดีอาญาต่อผู้ทุจริตนำเงินกองทุนฯ ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว 2.ต้องการเงินที่กองทุนฯ ไม่สามารถแสดงหลักฐานการจ่ายสวัสดิการกลับมาคืนให้กับสมาชิกกองทุนฯ ทั้งหมด และ 3.ต้องการให้มีหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ควบคุม และตรวจสอบการบริหารกองทุน และแนวทางในการบริหารกองทุนให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น

กำลังโหลดความคิดเห็น