น่าน - ผู้ปกครองและตัวแทน AFS โร่ขึ้นโรงพัก แจ้งความดำเนินคดีครูโรงเรียนดังน่าน อ้างโครงการส่งเด็กแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างประเทศ เชิดเงินล้านกว่าบาท ผอ.ร.ร.ต้นสังกัด สั่งตั้งกรรมสอบเอาผิด พร้อมเตือนนักเรียนแลกเปลี่ยนฯ ต้องทำผ่านโรงเรียนเท่านั้น
วันนี้ (7 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครองนักเรียนจำนวน 2 ราย เข้าแจ้งความต่อ สภ.เมืองน่าน เพื่อดำเนินคดีกับอาจารย์สาว โรงเรียนชื่อดังของจังหวัดน่าน ที่อ้างเป็นโครงการมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (AFS ประเทศไทย) สามารถส่งเด็กนักเรียนไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างประเทศได้ หลอกลวงให้สูญเงินรวมกันกว่า 1.2 ล้านบาท
ผู้ปกครองรายหนึ่งเล่าว่า ช่วงเดือนธันวาคม 2559 ครูคนดังกล่าวได้ชักชวนลูกสาวให้เข้าร่วมโครงการของมูลนิธิ AFS เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ประเทศนิวซีแลนด์ ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน และจะเดินทางวันที่ 6 เม.ย. 60 โดยมีค่าใช้จ่ายอ้างว่าเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าสนับสนุนมูลนิธิ และอื่นๆ ซึ่งเรียกเก็บเป็นระยะ
ผู้ปกครองรายนี้บอกอีกว่า ได้จ่ายเงินให้ครูทั้งเงินสด และเช็คธนาคาร รวม 959,956 บาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเรียกตัวเด็กนักเรียน หรือกำหนดการเดินทาง ซึ่งเป็นที่ผิดสังเกต จนในที่สุดทราบว่าถูกหลอก และได้ทวงถามขอเงินคืน ขณะที่ผู้ปกครองอีกรายหนึ่งก็ถูกหลอกลวงเช่นเดียวกันและเสียเงินรวมกว่า 3 แสนบาท
ร.ต.อ.เชาวลิต เทรักษา พงส.สภ.เมืองน่าน เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวมีผู้ปกครอง 2 ราย และผู้แทนจากมูลนิธิ AFS เข้าแจ้งความดำเนินคดี เบื้องต้นตั้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงซึ่งเป็นคดีความอันยอมความได้หากผู้ถูกกล่าวหาสามารถชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าทุกข์ได้เป็นที่พอใจ ก็สามารถถอนแจ้งความได้
ส่วนการปลอมแปลงเอกสารและการอ้างชื่อมูลนิธิ AFS ทำให้เกิดความเสียหาย เป็นคดีความทางอาญา ซึ่งจะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างละเอียดต่อไป
ด้านนายสนอง ก้อนสมบัติ ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร จังหวัดน่าน เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง โดยจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นได้ตั้งประเด็นสอบ 2 แนวทาง คือ ถูกมิจฉาชีพหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด หรือเป็นผู้กระทำความผิดจริง
“ภายใน 7 วันจะทราบผลสรุป และหากพบว่าครูมีความผิดจริงจะต้องดำเนินการทางวินัย โดยในช่วงนี้ได้ให้เวลาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ปกครองที่เสียหายก่อน”
นายสนองยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนไม่ได้รับทราบมาก่อน ที่จริงแล้วทางโรงเรียนมีระเบียบขั้นตอนการดำเนินการกับมูลนิธิ AFS เพื่อส่งเด็กแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมชัดเจน และทำมานานกว่า 20 ปี ไม่เคยเกิดปัญหาเช่นนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนภัยสังคมโดยเฉพาะผู้ปกครองว่า การส่งเด็กนักเรียนไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างประเทศนั้นต้องมีหน่วยงานองค์กร และขั้นตอนชัดเจน ต้องผ่านทางโรงเรียนตั้งแต่หัวหน้ากลุ่มงานสาระ จนถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ต้องมีเอกสารและการลงลายมือชื่อรับรอง ไม่ใช่เป็นการตกลงเป็นการส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นช่องทางของกลุ่มมิจฉาชีพได้