xs
xsm
sm
md
lg

หลังสงกรานต์เขื่อนลำปาวเตรียมปิดส่งน้ำ เตือนเลี้ยงกุ้ง-เลี้ยงปลาเสี่ยงน็อกตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาฬสินธุ์ - ภัยแล้งเริ่มลุกลามจังหวัดกาฬสินธุ์ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ร่วมประมงจังหวัด ประชุมเข้มกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม และปลากระชัง เตือนเฝ้าระวังความเสียหายน็อกตายแล้ง พร้อมประกาศปิดน้ำสำรองเพื่อการอุปโภคบริโภคยาว 90 วัน ระหว่าง 28 เมษายน - 30 กรกฎาคม 2560

วันนี้ (6 เม.ย.) ที่ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว (เขื่อนลำปาว) นายฤาชัย จำปานิล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เป็นประธานประชุมผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในเขื่อนลำปาว เพื่อชี้แจงการประกาศปิดน้ำฤดูแล้งประจำปี 2560

โดยมี นายอำพล จินดาวงศ์ ประมง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ผู้ประกอบการเลี้ยงสัตว์น้ำ ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม และผู้เลี้ยงปลากระชัง ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายฤาชัย จำปานิล ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า เขื่อนลำปาวมีความจุอ่าง 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำประมาณ 614.40 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 31.03% ขณะที่ห้วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วมีปริมาณ 444.35 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 22.44% อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของโครงการ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้ใช้น้ำ

ทั้งในกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ที่กุ้งก้ามกราม และปลากระชัง รวมทั้งการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง โดยเขื่อนลำปาวมีพื้นที่บริการในเขตชลประทานทั้งหมด 306,963 ไร่ ข้าว 263,378 ไร่ บ่อกุ้ง 2,922 ไร่ บ่อปลา 1,577 ไร่ พืชผัก 1,096 ไร่ และที่เหลือเป็นพื้นที่การเกษตรอื่นๆ

ในจัดประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมหารือ เพื่อหาแนวทางให้การบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง ทั้งในส่วนของโครงการ และในบ่อกุ้งก้ามกราม และกระชังเลี้ยงปลา เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในฤดูแล้ง ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงได้กำหนดปิดน้ำในฤดูแล้งตามปฏิทินปฏิบัติ ประมาณ 90 วัน ระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 30 กรกฎาคม 2560 เพื่อทำการซ่อมบำรุงคูคลองที่ชำรุด และรักษาระบบนิเวศ ขอให้เกษตรกรผู้ใช้น้ำ ใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่าและแบ่งปัน เพื่อให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอและทั่วถึง

ด้าน นายอำพล จินดาวงศ์ ประมง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในฤดูแล้งโดยเฉพาะช่วงโครงการบำรุงและรักษาเขื่อนลำปาวปิดการส่งน้ำ อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อบ่อกุ้งก้ามกรามและกระชังเลี้ยงปลา เพื่อลดความสูญเสียได้กำชับให้เกษตรกรจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ลดพื้นที่ และลดจำนวนในการเลี้ยงลง ทั้งนี้ เพื่อลดความแออัดและป้องกันการเกิดน้ำเสีย ที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดการน็อกตายได้

สำหรับเกษตรกรที่ใช้เครื่องตีน้ำในบ่อเพื่อสร้างออกซิเจนให้กุ้งนั้น ระดับบ่อควรมีความลึกประมาณ 1.5 - 2.0 เมตร หากความลึกบ่อไม่ได้ขนาด เมื่อเปิดเครื่องตีน้ำจะทำให้เกิดตะกอนหรือสารแขวนลอย ที่อาจเป็นอันตรายและเป็นสาเหตุให้กุ้งน็อกได้ เพื่อความปลอดภัย เกษตรกรควรเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ ด้วยการขุดบ่อให้มีความลึก และสำรองน้ำไว้ใช้ ก็จะสามารถพ้นผ่านวิกฤตแล้งไปได้อย่างปลอดภัย

นายฤาชัย จำปานิล ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม กระจายในพื้นที่ ต.บัวบาน ต.เขาพระนอน ต.นาเชือก อ.ยางตลาด ประมาณ 1,000 ราย เลี้ยงปลากระชังเหนือเขื่อนลำปาว ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 600 ราย ในฤดูแล้งของทุกปีประสบปัญหาอากาศวิปริต เกิดการน็อกตาย ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก มูลค่าไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในการเลี้ยงที่ต้นทุนสูง ทั้งค่าพันธุ์ลูกกุ้ง ลูกปลา และอาหาร จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้วย เพื่อเกษตรกรจะได้มีอาชีพที่ยั่งยืน เพราะเกษตรกรเลิกกิจการไปมาก เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน



กำลังโหลดความคิดเห็น