xs
xsm
sm
md
lg

หลักฐานอ่อน ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 ยกฟ้อง 3 จำเลย คดียิง กปปส.ที่แสนตุ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตราด - ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 ยกฟ้อง 3 จำเลยคดียิง กปปส.ที่แสนตุ้ง เผยหลักฐานอ่อน เนื่องจากพยานบุคคลภายนอกไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาวุธปืนอยู่ในสวนของจำเลยจริง โดยมิให้ต้องขังจำเลยทั้ง 3 ระหว่างฎีกา

จากการที่อัยการจังหวัดตราด ได้ดำเนินการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลขั้นต้น คดีดำหมายเลข 1305/2559 และคดีแดงหมายเลข 2821/2559 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 โดยอัยการจังหวัดตราด ในฐานะโจทก์ และผู้ร้อง จำนวน 7 คน ที่เป็นโจทก์ร่วม ประกอบด้วย น.ส.สุภาภรณ์ ฟันชาย นางสาคร บุญชู นางมอบใจ มากบัว น.ส.ภัทราภรณ์ มั่นคง นายพิสุทธิ์ บุญชู นางกฤษณา บุญชู และนายสุรศักดิ์ บุญชู ผู้ร้อง ฟ้อง นายวัชระ หรือเอ้ กระจ่างกลาง จำเลยที่ 1 นายสมศักดิ์ หรือน้อง พูลสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 และนายสมศักดิ์ หรืออั๋น สุนันท์ จำเลยที่ 3 ว่า มีความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อชีวิตพยาน ซ่องโจร ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน ลหุโทษ

หลังจากที่ศาลขั้นต้นได้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน ยกเว้น จำเลยที่ 1 ที่มีความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียม พ.ศ.2490 มาตราที่ 55 มาตราที่ 78 วรรค 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 83 ให้จำคุก 5 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยก และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ยกฟ้องทั้งหมด แต่ให้ขังจำเลยที่ 2 ที่ 3 ระหว่างการอุทธรณ์

โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ศาลอุทธรณ์ได้ส่งคำพิพากษาให้ศาลจังหวัดตราด ได้อ่านคำพิพากษา โดยระบุว่า หลังจากที่ฝ่ายโจทก์ได้นำพยานบุคคลที่เป็นบุคคลภายนอก 1 คน และเป็นพนักงานสอบสวน 2 คน เพื่อเชื่อมโยงข้อกล่าวหาทั้งในเรื่องของอาวุธปืนของจำเลยที่ 1 และพฤติกรรมของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่มีความร่วมมือและประสานงานในการหลบหนีหลังเกิดเหตุ ซึ่งได้มีการนำอาวุธปืนไปตรวจลายนิ้วมือ และ DNA ซึ่งยังไม่สามารถระบุชัดได้ว่า DNA ของจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของอาวุธที่ใช้ในการยิง

รวมทั้งการค้นพบอาวุธปืนที่สวนของ นายณรงค์ กระจ่างกลาง ที่หลบหนีไปนั้น ทหารแม้จะหาหลักฐานเชื่อมโยงว่าอยู่ในสวนของ นายณรงค์ กระจ่างกลาง แต่พยานไม่สามารถยืนยันได้ว่า อาวุธปืนอยู่ในสวนของนายณรงค์ กระจ่างกลาง จริง

ด้วยเหตุดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จึงมีคำพิพากษาไม่เห็นด้วยกต่อพยานทั้ง 3 คน ที่โจทก์ได้นำมากล่าวอ้างในเรื่องของอาวุธปืน จึงยกฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ก็เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นในเรื่องดังกล่าว ซึ่งมิให้ต้องขังจำเลยทั้ง 3 ระหว่างฎีกา

จากกรณีก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 21.00 น. คนร้ายได้ใช้อาวุธปืน วัตถุระเบิด ร่วมกันปั่นป่วนในเวทีปราศรัยของกลุ่ม กปปส.ที่ตลาดยิ่งเจริญ หมู่ 1 ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ทำให้ ด.ญ.ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย นางพิศตะวัน อุ่นใจ และ ด.ญ.ณัฎฐิชยา รอสูงเนิน เสียชีวิต และยังทำให้ นายสิทธิชัย ฟ้าใส นายพิสิทธิ์ บุญชู น.ส.วัลลา โล่ปรีชา นายทศพล ทองแสงศรี นายธงรบ บูรณพงษ์ น.ส.กฤษณา บุญชู น.ส.ภัทรภรณ์ มั่นคง นายยอด อ้วนชาตรี และนายตั๊ก ภักดี รวม 9 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และนอนพักอยู่โรงพยาบาลเกิน 20 วัน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 9 คนด้วย

ทั้งนี้ จำเลยที่ 3 คน ยังได้ร่วมกระทำการในพื้นที่อื่นๆ อีก เช่น ต.นนทรี อ.เขาสมิง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี และ อ.คำม่วง จ.กาญจนบุรี โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 และจำเลยที่ 3 ถูกจับเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 และอัยการได้ดำเนินการฟ้องต่อศาลจังหวัดตราด แต่ทั้ง 3 คนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ผู้ร้องทั้ง 7 คน ได้เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้ง 3 คน รวมเป็นเงินมากกว่า 605,260 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียม พ.ศ.2490 มาตราที่ 55, 78 วรรค 1 ตามประมวลกฎหมายอาญาที่ 83 ให้จำคุก 5 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยก ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ยกคำร้อง แต่ให้ขังจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไว้ระหว่างอุทธรณ์ พร้อมให้ริบของกลางไว้ทั้งหมด



กำลังโหลดความคิดเห็น