อุบลราชธานี - แชร์สนั่นโซเชียลกรณีเด็กวัย 3 ขวบไปรักษากับคลินิกเอกชนแล้วเสียชีวิต เพราะเวลาผ่านไปเกือบ 5 ปีแต่ผลการดำเนินคดีต่อผู้ให้การรักษาจนเด็กตายไม่คืบหน้า ทั้งที่ทางราชการสั่งปลดออกเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดพลาดมานานหลายปีแล้ว แถมตา-ยายของเด็กที่ออกมาร้องขอความเป็นธรรมถูกฟ้องข้อหาให้การเท็จ แต่ศาลได้พิจารณายกฟ้องไปแล้ว
เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา พบการลงบทความของผู้ใช้ชื่อ “เพลิงสีดำ” ในแฟนเพจทีวีชุมชนอุบลราชธานี TvChumchonubon โพสต์
https://web.facebook.com/TvChumchonubon/photos/a.602677603105463.1073741828.456280034411888/1445786595461222/?type=3&theater โดยระบุว่า หมออนามัยฉีดยาเด็กตายที่บุณฑริก ไม่เคยเหลียวแล 5 ปียังลอยนวล! ซ้ำฟ้องกลับตา-ยาย!!! ช่วยกันแชร์จนกว่าหน่วยงานรัฐจะให้ความเป็นธรรม
โดยเนื้อหามีรายละเอียดว่า สองตา-ยายสุดเศร้า หลานถูก ผอ.รพ.สต.ฉีดยาจนตาย ย่างเข้าสู่ปีที่ 5 คดียังเงียบ คนผิดยังลอยนวลแถมไม่สำนึกฟ้องกลับ ตา-ยาย ข้อหา "เบิกความเท็จต่อเจ้าพนักงาน แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ" โชคดี ความยุติธรรมเมตตาศาลพิพากษายกฟ้อง เหตุผลโจทก์ฟังไม่ขึ้น วอน ป.ป.ท.เร่งดำเนินคดีหลังดองเรื่องถึง 5 ปี
หลังจากที่มีการโพสต์เรื่องดังกล่าวลงไป ชาวโซเชียลและบรรดาเพจดังต่างช่วยกันแชร์โพสต์ดังกล่าวไปแล้วกว่า 1,976 ครั้ง มียอดผู้เข้าถึงโพสต์กว่า 200,000 คน มีการแสดงความคิดเห็นมุมมองต่างๆ มากมาย
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามข้อเท็จจริงจากนายปองพล วงษาชัย อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นตาของเด็กหญิงศิริธาดา หรือน้องหมวย ประทีป อายุ 3 ขวบ ชาวบ้านตำบลนาโพธิ์ อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี เล่าว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 โดยตนเองและภรรยาได้พาน้องหมวยหลานที่ป่วยเป็นไข้ไปรักษาอาการไข้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาโพธิ์ อ.บุณฑริก
โดยมีนายกฤษณ์ แก้วมณี ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาโพธิ์ขณะนั้น ได้แนะนำให้นายปองพลพาหลานสาวไปรักษาที่คลินิกเอกชน ซึ่งมีภรรยาของนายกฤษณ์ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาต ตั้งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาโพธิ์ประมาณ 500 เมตร
โดยนายกฤษณ์ได้ตามมาตรวจร่างกายน้องหมวยพร้อมทั้งแจ้งทางนายปองพลว่า หลานป่วยเป็นลำไส้อักเสบ ต้องฉีดยา 1 เข็ม หลังฉีดยาก็อนุญาตให้พาหลานกลับบ้าน แต่ระหว่างเดินทางกลับบ้านน้องหมวยมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก มีน้ำลายฟูมปาก ปัสสาวะราด คอพับ หมดสติ นายปองพลจึงพาน้องหมวยกลับมาที่คลินิกอีกครั้ง
โดยขณะนั้นหลานสาวอยู่ในอาการหมดสติไม่รู้ตัวแล้ว จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอบุณฑริก และได้เสียชีวิตในวันเดียวกัน นายกฤษณ์จึงนำร่างของน้องหมวยมาส่งที่บ้านพักให้จัดบำเพ็ญบุญตามประเพณี แต่ไม่มีการแสดงความเสียใจหรือเยียวยาครอบครัวของตนเองแต่อย่างใด
หลังจากนั้น นายปองพล และครอบครัวจึงได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ให้ตรวจสอบการรักษาว่าเป็นไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้องหรือไม่ และหลานของตนเสียชีวิตด้วยเหตุใด ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่านายกฤษณ์เป็นผู้บริหารสถานีอนามัย แต่ไม่มีสิทธิให้การรักษาคนไข้ โดยการฉีดยาให้กับคนไข้จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
ต่อมาปี 2557 คณะกรรมการสอบสวนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมีมติเสนอให้นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ในสมัยนั้น ออกคำสั่งจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 4222/2557 ลงโทษนายกฤษณ์ แก้วมณี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข ระดับชำนาญการ สังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอบุณฑริก ปลดออกจากราชการ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557
หลังถูกปลดออกจากราชการ นายกฤษณ์ได้ยื่นฟ้องนายปองพลกับภรรยาข้อหาเบิกความเท็จต่อเจ้าพนักงาน แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จต่อศาลจังหวัดเดชอุดม ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 ศาลจังหวัดเดชอุดมได้สั่งยกฟ้องนายปองพลและภรรยา
ตรงข้ามกับคดีอาญาที่ตนเองเป็นผู้เสียหายกรณีนายกฤษณ์ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดทำให้น้องหมวยเสียชีวิตนั้น มีการส่งคดีต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า
การสู้คดีที่ผ่านมา แม้เป็นคนจนแต่ต้องการให้คนทำผิดได้รับโทษ จึงต้องทนต่อสู้มาถึงวันนี้ จึงอยากวิงวอนอัยการเจ้าของคดีและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เร่งดำเนินการไต่สวนในเรื่องนี้ด้วย เพราะปัจจุบันศพน้องหมวยยังเก็บไว้ที่ป่าช้าเพื่อรอผลการพิจารณาคดีนี้จนถึงที่สุด แล้วจะได้นำศพขึ้นมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป นายปองพล ตาของเด็กสาวที่ถูกยาจนเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีก่อนกล่าว