ตาก - พบศพชายนิรนามถูกฆ่าโหดทุบศีรษะตายกลางโรงน้ำแข็งชายแดนแม่สอดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนคนร้ายคาดเป็นแรงงานต่างด้าวก่อเหตุแล้วหลบหนีอย่างไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ปิดชายแดนไล่ล่าแต่ไร้วี่แวว
วันนี้ (31 มี.ค.) พ.ต.ต.สมศักดิ์ เกตุสาคร สารวัตรเวร สภ.แม่สอด จังหวัดตาก รับแจ้งพบศพชายถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต บริเวณโรงผลิตน้ำแข็งขนาดใหญ่ไม่มีชื่อ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตรงข้ามโรงเรียนบ้านแม่ปะ ถนนสายแม่สอด-แม่ระมาด หมู่ที่ 2 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จึงประสานตำรวจฝ่ายสืบสวน ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด พร้อมหน่วยกู้ชีพตำบลแม่ปะ รีบเดินทางไปตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุพบกลุ่มแรงงานไทยมามุงดูเหตุการณ์ และต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่แคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างติดกับโรงน้ำแข็งที่กำลังก่อสร้าง พบศพชายไม่ทราบชื่อ-สัญชาติ เนื่องจากไม่พบเอกสารสำคัญภายในตัวของผู้ตาย แต่คาดว่าเป็นแรงงานต่างด้าว อายุประมาณ 25-30 ปี
สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดกองใหญ่ สวมเสื้อกล้ามสีดำ สวมเพียงกางเกงชั้นในสีแดงตัวเดียว และที่บริเวณศีรษะของผู้ตายพบถูกของแข็งกระหน่ำทุบตีจนศีรษะแตกยุบเป็นแผลฉกรรจ์มีเลือดไหลนองเต็มพื้น เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมง
ขณะที่ข้างศพพบท่อนเหล็กก่อสร้าง และท่อนไม้ไผ่เปื้อนเลือดขนาดใหญ่ จำนวน 2 ท่อน ตกอยู่ใกล้ศพ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานทางคดี
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าไม่มีใครรู้จัก หรือเคยเห็นหน้าผู้ตายในเขตท้องที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ส่วนโรงผลิตน้ำแข็งแห่งนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยมีแรงงานสัญชาติพม่านอนเฝ้าอุปกรณ์ก่อสร้าง 2 คน
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายอาจจะเป็นแรงงานต่างด้าวหนีภัยแล้งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แอบลักลอบเข้ามาหางานทำในเขตชายแดนแม่สอด และคาดว่าผู้ตายรายนี้อาจจะเป็นคนรู้จักกับสองแรงงานที่นอนเฝ้าสถานที่ก่อสร้าง จนผู้ตายอาจจะขอมานอนพักค้างแรมในช่วงกลางคืน
และได้มีการร่วมตั้งวงดื่มสุรากับกลุ่มคนร้ายในที่พัก จนเมาได้ที่อาจจะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง หรือปัญหาอื่นๆ ที่ไม่เปิดเผย ก่อนผู้ตายจะพลาดท่าถูกรุมใช้อาวุธเหล็กก่อสร้าง และท่อนไม้ขนาดใหญ่กระหน่ำทุบไปที่ศีรษะจนเสียชีวิตอย่างอนาถ กระทั่งแรงงานไทยมาพบศพในช่วงเช้าวันนี้
ซึ่งหลังก่อเหตุคนงานต่างด้าวทั้ง 2 คนที่นอนเฝ้าสถานที่ก่อสร้างได้หายตัวไปอย่างลึกลับ และไร้ทะเบียนประวัติ
ขณะนี้ตำรวจนำศพไปทำการชันสูตรที่โรงพยาบาลแม่สอด และออกประกาศตามหาญาติผู้ตายหรือคนหาย และกำลังตำรวจส่วนหนึ่งได้ออกติดตามหาตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่าอาจจะหลบหนีไปที่แนวชายแดนไทย-พม่า แต่ก็ยังไม่พบตัวคนร้าย