ศูนย์ข่าวศรีราชา - บ. STP&I รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แหลมฉบัง-บางละมุง โครงการโรงงานตัดคัดแยกชิ้นส่วนแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม ในท่าเรือแหลมฉบัง โดยประชาชนเสนอให้ป้องกันสารเคมีรั่วไหลบนบก และลงทะเล พร้อมให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบโรงงาน
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ห้องประชุมเมืองท่า ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายวันชาติ วรรณพราหมณ์ ปลัดอำเภอศรีราชา เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโครงการโรงงานตัดคัดแยกชิ้นส่วนแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม โดยมี นายดำรงค์ ปานเกตุ ผู้จัดการฝ่ายโรงประกอบท่าเรือแหลมฉบัง บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STP&I กล่าวต้อนรับ คณะผู้บริหารเทศบาลนครแหลมฉบัง พร้อมสมาชิกสภาเทศบาลฯ และชาวบ้านผู้มีส่วนได้เสียประมาณ 150 คน ที่เข้าร่วมประชุม
สำหรับโครงการดังกล่าวได้ให้ความสำคัญต่อกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยกำหนดการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม เพื่อรับฟังความคิดเห็นข้อห่วงใยของประชาชน กลุ่มองค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีโครงการ และนำมาสู่การจัดทำรายงานการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมจากการก่อตั้งของโครงการ
ทั้งนี้ สำหรับที่ตั้งโครงการอยู่ภายในท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือ C0 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 31 ไร่ โดยแท่นผลิตโตรเลียมที่ไม่ใช้งานแล้วจะถูกขนส่งมาทางท่าเรือแหลมฉบัง และขนส่งมายังโรงงานเพื่อทำการคัดแยก เพื่อตัดแยกชิ้นส่วนของแท่นผลิตปิโตรเลียมที่ไม่ใช้งานแล้ว ก่อนจะส่งไปกำจัดตามโรงงานที่ได้รับมาตรฐานจากหน่วยงานราชการ ซึ่งการประกอบกิจการของโครงการดังกล่าวต้องขออนุญาตจัดตั้งโรงงานต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมกับจัดทำรายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (ESA) ประกอบการขออนุญาตอย่างถูกต้องเหมาะสม
โดยทางโครงการฯ จึงได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในรัศมี 3 กิโลเมตร ในพื้นที่แหลมฉบัง-บางละมุง เพื่อนำข้อห่วงกังวล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะไปประกอบการจัดทำรายงาน ซึ่งจะเป็นกระบวนการต่อเนื่องจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยมีข้อมูลการศึกษาผลกระทบที่ได้รวบรวมและประเมินไว้ตั้งแต่การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งการพิจารณาใช้ในการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้าง และการวางแผนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงการอีกด้วย
ด้าน นายสมยศ เฉียวกุล ประธานเครือข่ายรักษ์อ่าวอุดม กล่าวว่า ทางประชาชนในพื้นที่ต่างเป็นห่วงปัญหา และผลกระทบของโรงงานที่จะมาประกอบกิจการบริเวณท่าเรือ C0 ท่าเรือแหลมฉบัง เนื่องจากจะมีการตัดคัดแยกแท่นขุดเจาะน้ำมันเก่า ซึ่งอาจจะมีสารเคมีหลงเหลือในท่อน้ำมันต่างๆ โดยขอให้ทางบริษัทฯ มีสถานที่กักเก็บ และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งบนฝั่ง และในทะเลด้วย
นอกจากนั้น ควรให้ชาวบ้านเข้าไปมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบการดำเนินกิจการของบริษัทฯ ในระยะเวลาก่อสร้าง และช่วงประกอบกิจการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
นายดำรงค์ ปานเกตุ ผู้จัดการฝ่ายโรงประกอบท่าเรือแหลมฉบัง บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงข้อกังวลต่างๆ ของประชาชนนั้น ทางบริษัทฯ พร้อมรับดำเนินการ และนำข้อเสนอแนะต่างๆ ไปประกอบการจัดทำรายงานการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (ESA)
หลังจากนี้ ทางบริษัทฯจะรวบรวมข้อมูล พร้อมทำรายงานเสนอกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งจะใช้เวลาอีกระยะในการตรวจสอบ และเมื่อได้รับอนุญาตคาดว่าประมาณปลายปี 2560 นี้จะสามารถเปิดดำเนินกิจการได้