xs
xsm
sm
md
lg

เชียงใหม่ชู “ชุมชน” กลไกหลักลดหมอกควันไฟป่า ผลความร่วมมือลดพื้นที่ถูกเผาเหลือแค่ 2.4 แสนไร่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-ผู้ว่าฯ นำทุกภาคส่วนเปิดกิจกรรม “ประชารัฐร่วมใจ สานพลังศรัทธา หนุนชุมชนลดไฟป่าลดหมอกควัน”เครือข่ายชุมชนเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า เผยความร่วมมือลดพื้นที่เสียหายจากการถูกเผาแม้จุดความร้อนช่วง 60 วันห้ามเผาเพิ่มขึ้น แต่สามารถควบคุมและดับไฟได้อย่างรวดเร็ว

วันนี้(29 มี.ค.60) ที่วัดเจ็ดยอด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เปิดกิจกรรม “ประชารัฐร่วมใจ สานพลังศรัทธา หนุนชุมชนลดไฟป่าลดหมอกควัน” ซึ่งกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่,จังหวัดเชียงใหม่,มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(ภาคเหนือ),สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่,เครือข่ายเชียงใหม่ เขียว สวย หอม,บริษัทประชารัฐรักสามัคคี ตลอดจนเครือข่ายทุกภาคส่วนและเครือข่ายชุมชน โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าหรือใกล้เคียงในจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้น

ทั้งนี้เพื่อประสานพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในรูปแบบเครือข่ายประชารัฐ เฝ้าระวังไฟป่าลดหมอกควัน สมทบทุนกองทุนการจัดการไฟป่าของชุมชนและสนับสนุนให้ชุมชนปฏิบัติการจัดการไฟป่า ลดหมอกควันได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง โดยกิจกรรมช่วงเช้ามีการจัดทำบุญตักบาตรอาหารแห้งและน้ำดื่มแด่พระสงฆ์และสามเณร 49 รูป เพื่อมอบต่อให้กับเครือข่ายชุมชนและอาสาสมัครนำไปใช้เป็นเสบียงในการปฏิบัติหน้าที่

นอกจากนี้มีการมอบกองทุนชุมชนสนับสนุนเครือข่ายอาสาสมัครร่วมใจเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควันให้กับชุมชนต่างๆ รวมทั้งมีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางกลไกประชารัฐในการเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน และกองทุนสนับสนุนชุมชนจัดการไฟป่าหมอกควัน เพื่อการป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการจะทำให้การป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันของจังหวัดเชียงประสบความสำเร็จ เพราะลำพังเพียงภาครัฐอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชนและชุมชนพื้นที่ในการร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหานี้ เนื่องจากเป็นผู้ที่รู้สภาพพื้นที่ในชุมชนท้องถิ่นของตัวเองเป็นอย่างดีและต่างมีความรักความห่วงแหนพื้นที่ด้วย โดยที่ทางภาครัฐทำหน้าที่สนับสนุนและจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งลาดตระเวนและดับไฟ รวมทั้งสิ่งของปัจจัยที่จำเป็นต่างๆ ในกับอาสาสมัครและชุมชน ทั้งตำบลและหมู่บ้านต่างๆ ในการทำงาน

ซึ่งจากการร่วมมือกันทำงานในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีความก้าวหน้าในการทำงานและได้ผลเป็นอย่างดีตามลำดับในการแก้ไขปัญหา โดยจากนี้จะมีการขยายเครือข่ายและสร้างความร่วมมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไป เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

สำหรับภาพรวมสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่นั้น นายปวิณ เปิดเผยว่า ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.60 เป็นต้นมา จำนวนจุดความร้อน(HOTSPOT) ของจังหวัดเชียงใหม่ลดลงจากช่วงเดียวของปีก่อน จาก 835 จุด เหลือ 631 จุด อย่างไรก็ตามหากนับเฉพาะในช่วง 60 วันแห่งการห้ามเผา ยอมรับว่าเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวน 531 จุด จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 523 จุด ขณะที่ในส่วนของพื้นที่ถูกเผาที่ได้รับความเสียหายนั้น

ในปีนี้มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 2.4 แสนไร่ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมากกว่า 1.4 ล้านไร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นผลจากการที่ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่กำลังในการควบคุมการเผาได้มีประสิทธิภาพ ทำให้ในกรณีที่เกิดไฟไหม้ก็สามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็วและทำให้พื้นที่เสียหายน้อยลดลง

ส่วนการเฝ้าระวังในช่วงต่อจากนี้นั้น นายปวิณ ระบุว่า สิ่งที่จะต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษในช่วงจากนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่ที่มีเศษวัสดุสะสมรอการกำจัด ซึ่งจะต้องมีการวางแผนบริหารจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือมีปัญหาเกิดขึ้น โดยได้มีการประสานทุกอำเภอในการสำรวจข้อมูลในพื้นที่อย่างละเอียดและวางแผนการทำงานแล้ว ขณะเดียวกันให้มีการปรับแผนการทำงานของหน่วยลาดตระเวนและหน่วยดับไฟ โดยลดขนาดของหน่วยลาดตระเวนให้เล็กลงเพื่อความรวดเร็วและคล่องตัว แล้วเพิ่มขนาดของหน่วยดับไฟให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้สามารถควบคุมและดับไฟได้รวดเร็วยิ่งขึ้นหากเกิดเหตุ นอกจากนี้จะมีการมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายชุมชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานเป็นวงกว้างและเข้มแข็งยิ่งขึ้นด้วย.











กำลังโหลดความคิดเห็น