ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าฯ ชลบุรี เร่งแก้ไขปัญหาขยะที่เริ่มทวีความรุนแรง หลังปริมาณขยะเฉลี่ยวันละเกือบ 3,000 ตัน โดยในอนาคตไม่มีพื้นที่รองรับขยะได้เพียงพอ พร้อมเตรียมเสนอรัฐบาลจัดตั้งเป็นโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะ เพื่อแก้ไขอย่างยั่งยืน
วันนี้ (28 มี.ค.) นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาขยะพื้นที่จังหวัดชลบุรี ในเขตอำเภอศรีราชา ซึ่งประกอบด้วย เทศบาลนครแหลมฉบัง เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลตำบลบางพระ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม องค์การบริหารส่วนตำบลเขาคันทรง และองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อวิน ณ ห้องประชุมชั้น 4 เทศบาลนครแหลมฉบัง โดยมีคณะผู้บริหารในแต่ละพื้นที่เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันขยะในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เฉลี่ยวันละเกือบ 3,000 ตัน ดังนั้น จังหวัดจึงได้กำหนดแบ่งพื้นที่ในการบริหารจัดการเป็น 4 กลุ่ม และ 1 อำเภอเกาะสีชัง โดยกลุ่มที่ 1 อำเภอศรีราชา เป็นผู้รับผิดชอบ กลุ่ม 2 เมืองพัทยา กลุ่ม 3 อำเภอเมืองชลบุรี กลุ่ม 4 เทศบาลบ้านบึง และเทศบาลตำบลเกาะสีชัง โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละกลุ่มมีปริมาณขยะวันละกว่า 500 ตัน ซึ่งปริมาณขยะดังกล่าวสามารถแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นแนวทางในการกำจัดขยะ และได้พลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้ประโยชน์ได้
สำหรับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะนั้น ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างที่มาเกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเหมาะสม เช่น ผังเมือง สายส่งไฟฟ้า ซึ่งในการประชุมในแต่ละกลุ่มก็มีปัญหาอุปสรรคในบางประการ และขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบนำไปพิจารณาช่วยเหลือต่อไป เพื่อต้องการให้การแก้ไขปัญหาขยะพื้นที่จังหวัดชลบุรีเป็นไปอย่างยั่งยืน
“ในอนาคตทั้ง 4 กลุ่มพื้นที่รับผิดชอบควรมีโรงไฟฟ้า เพราะปริมาณขยะในขณะนี้มีเพียงพอในการป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตความเจริญเติบโตในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และปริมาณขยะต้องเพิ่มขึ้นด้วย โดยหากมีโรงไฟฟ้าเกิดขึ้นแล้วก็สามารถรองรับได้ทันท่วงที” นายภัครธรณ์ กล่าว
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการจัดตั้งโรงไฟฟ้าขยะโดยภาคเอกชนนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ขณะนี้กฎหมายได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการจัดตั้งโรงไฟฟ้าได้แล้ว ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เช่น ท้องถิ่นสามารถกำจัดขยะได้ ส่วนภาคเอกชนเข้ามาบริหารจัดการ และสามารถอยู่รอดได้ และขยะก็ได้รับการแก้ไข ดังนั้น จึงต้องการให้เอกชนมาร่วมกันแก้ไขปัญหาให้หมดไป เนื่องจากมีความรู้ความสามารถกว่าส่วนราชการ
ขณะนี้พื้นที่ฝังกลบเริ่มมีไม่เพียงพอต่อการรองรับขยะที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ดังนั้น ต้องมีวิธีกำจัดขยะที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานไฟฟ้าซึ่งจะได้ประโยชน์ คือ พลังงานไฟฟ้า และขยะก็ถูกทำลาย ดังนั้น การแก้ไขปัญหารูปแบบดังกล่าวจะเป็นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในอนาคต
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาขยะในแต่ละกลุ่มพื้นที่นั้น บางพื้นที่มีปัญหาอุปสรรค ซึ่งบางครั้งจังหวัดไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เนื่องจากเกินอำนาจหน้าที่ในความรับผิดชอบ ดังนั้น จะต้องเสนอปัญหาต่อรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไป