หนุ่มศรีสะเกษควบ “ดูคาติ” พาสาวไปเที่ยว เสยท้ายรถพ่วงพังยับดับคาที่-สาวสาหัส

ศรีสะเกษ - หนุ่มศรีสะเกษซิ่งบิ๊กไบค์ “ดูคาติ” พาแฟนสาวไปเที่ยว “ผามออีแดง” อุทยานฯ เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เสียหลักชนท้ายรถพ่วงบรรทุกปูนจอดรอเลี้ยว จักรยานยนต์พังยับดับคาที่ ส่วนแฟนสาวสาหัส บนถนนสายศรีสะเกษ-กันทรลักษ์

วันนี้ (26 มี.ค.) ร.ต.อ.สัญญา จันโท พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์แบบบิ๊กไบค์ชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อที่จอดรอเลี้ยวอยู่ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ที่บริเวณเยื้องศูนย์รถยนต์ซูซูกิ ถนนสายศรีสะเกษ-กันทรลักษ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.อัยรัช ชิณประยูร ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ ทราบ และรีบไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน

ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกปูน พ่วง 18 ล้อ ทะเบียน 83-6736 สระบุรี จอดอยู่ มี นายมนัสใจ พรหมสุข อายุ 43 ปี คนขับรถยืนอยู่ข้างรถบรรทุกพ่วง บริเวณท้ายรถพ่วงมีรอยถูกชนได้รับความเสียหาย และห่างไปประมาณ 3 เมตรพบรถจักรยานยนต์แบบบิ๊กไบค์สีดำ ยี่ห้อดูคาติ (DUCATI) ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนล้มคว่ำอยู่ สภาพพังยับเยิน และใกล้กันพบร่างของ นายธนัทรัช ชิณพันธ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 356/1 หมู่ 5 ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้รับบาดเจ็บนอนฟุบกับพื้นและต่อมาได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเนื่องจากไม่สามารถทนอาการบาดเจ็บสาหัสได้

นอกจากนี้ ยังพบผู้ที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อคือ น.ส.ปิยฉัตร พงษ์กิ่ง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/74 หมู่ 8 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ แฟนสาวของนายธนัทรัช เป็นนักศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง อาการสาหัส เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถานได้รีบนำตัวส่งไปรักษายังโรงพยาบาลศรีสะเกษ

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายธนัทรัช ผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สีดำคันเกิดเหตุเพื่อพาแฟนสาวไปเที่ยวชมผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อที่จอดรอเลี้ยวอยู่ ทำให้นายธนัทรัชเสียชีวิตคาที่ ส่วน น.ส.ปิยฉัตรได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีสะเกษ ซึ่ง ร.ต.อ.สัญญาจะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป