ลำปาง - หัวหน้าสถานีตรวจน้ำหนักเกาะคา ยังไม่อนุญาตเทรลเลอร์ยักษ์ขยับ แม้นำหัวลากใหม่มารอเปลี่ยนถึง 4 คันตั้งแต่เช้ามืด แต่ส่งเอกสารยังไม่ครบ ทำให้ทรานสฟอร์เมอร์ 704 ล้อ พร้อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าต้องจอดรอหน้าอนุสาวรีย์พระองค์ดำต่อ
วันนี้ (23 มี.ค.) นายณัฐพล จูสวย หัวหน้าสถานีตรวจน้ำหนักเกาะคา จ.ลำปาง เปิดเผยว่า เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา บริษัท ศิลามาศ ทรานสปอร์ต จำกัด ผู้รับจ้างขนส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ซึ่งใช้รถเทรลเลอร์ยักษ์ กว้างถึง 6 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร ทรานสฟอร์เมอร์ขนาด 704 ล้อ และรถหัวลาก 2 คันได้นำรถหัวลากคันใหม่ 4 คันมาสำรองใช้แทน 2 คันเดิมที่ถูกอายัด และดำเนินการส่งฟ้องศาลไปเมื่อวานนี้แล้ว
โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ชั่งน้ำหนักหัวลากใหม่ทั้ง 4 คัน เมื่อเวลา 04.00 น.เศษ ปรากฏว่ามีน้ำหนัก 23 และ 24 ตัน เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือ ต้องไม่เกิน 25 ตัน แต่ตนก็ยังไม่ค่อยสบายใจเพราะน้ำหนักมากเกินใกล้ถึงน้ำหนักที่กฎหมายกำหนด เพราะหากบรรทุกสิ่งของอื่นใดลงไปเพิ่มก็จะทำให้น้ำหนักเกินทันที ดังนั้นจึงกำชับไม่ให้มีการเพิ่มสิ่งของ หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มไปอีกนอกจากการชักลากเทรลเลอร์เท่านั้น
ขณะเดียวกัน นายณัฐพลได้ส่งเอกสารชี้แจงถึงสื่อมวลชน กรณีการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินในระหว่างที่ขนย้ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) ของบริษัท ศิลามาศ ทรานสปอร์ต จำกัด ว่าตามที่มีข่าวในหนังสือสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2560 เรื่องการจับรถบรรทุกน้ำหนักเกินในระหว่างที่ขนย้ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) ของบริษัท ศิลามาศ ทรานสปอร์ต จำกัด จากท่าเรือชั่วคราวจังหวัดอ่างทอง ไปยังโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
โดยระบุว่า กรมทางหลวงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า บริษัท ศิลามาศ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้ดำเนินการขออนุญาตรถบรรทุกที่ขนส่งตามหลักเกณฑ์การขออนุญาตให้ยานพาหนะเดินบนทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน ตามประกาศผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2548 อย่างถูกต้อง แต่ในระหว่างการขนส่งมีรถบรรทุกลากจูงเสีย บริษัทฯ ได้ชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่าได้นำรถบรรทุกลากจูงที่ไม่ได้ขออนุญาตฯ มาใช้แทนเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร และไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนเพื่อให้การขนส่งดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ได้แจ้งให้กรมทางหลวงทราบ
เมื่อขบวนขนส่งผ่านสถานีตรวจสอบน้ำหนักเกาะคา (ขาออก) จ.ลำปาง และทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสุ่มตรวจตามหลักเกณฑ์ พบว่าในขบวนขนส่งมีรถบรรทุกลากจูง 2 คันที่ไม่ได้ขออนุญาตตามหลักเกณฑ์ และมีน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงได้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เบื้องต้นกรมทางหลวงได้แจ้งให้บริษัทฯ ระงับการขนส่งชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้ทาง และผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะให้แก่ประชาชนทั่วไป จึงแจ้งให้บริษัท ศิลามาศ ทรานสปอร์ต จำกัด ดำเนินการขออนุญาตรถบรรทุกที่จะนำมาลากจูงเพิ่มเติม และตรวจสอบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ การขออนุญาตฯ เพื่อให้สามารถดำเนินการขนส่งได้อย่างถูกต้อง และขนส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้ทันตามกำหนดต่อไป
ล่าสุด กรมทางหลวงต้องให้ทางบริษัทฯ ส่งเอกสารเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติมในระยะทางส่วนที่เหลือจากอำเภอเกาะคาไปยังอำเภอแม่เมาะ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทยังส่งให้ไม่ครบ ดังนั้นในวันนี้ (23 มี.ค.) จึงยังไม่สามารถอนุญาตให้เดินทางต่อได้ จนกว่าทางบริษัทจะส่งเอกสารให้ทางกรมทางหลวงตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนจึงจะสามารถเดินทางต่อไปได้
ส่วนที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวนมหาราช เกาะคา ยังคงมีประชาชนแวะถ่ายรูปขบวนเทรลเลอร์ยักษ์ ไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างไม่ขาดสาย รวมทั้งมีการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว และสถานการณ์ตามหน้าเพจและเฟซบุ๊ก สื่อออนไลน์ต่างๆ ว่าเทรลเลอร์ยักษ์จะออกเดินทางต่อเมื่อไหร่ เพื่อจะได้รอถ่ายรูประหว่างการเดินทางบนถนนจริง
สำหรับกำหนดการขนส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Genertor) จากท่าเรืออ่างทอง ถึง กฟผ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เพื่อใช้ติดตั้งในโรงไฟฟ้าทดแทน โรงไฟฟ้าแม่เมาะที่ 4-7 (MMRP1) เรื่มออกจาก อ.อ่างทอง ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ผ่าน อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์-อ.ดงเจริญ อ.วิชรบารมี จ.พิจิตร-ต.ตาลเตี้ย จ.สุโขทัย-อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อ 19 มี.ค. และมีกำหนดที่จะนำส่งถึงโรงไฟฟ้าเมาะ เมื่อ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ถูกอายัดหัวลากจนขบวนเทรลเลอร์ยักษ์ต้องชะงักจอดรออยู่จนถึงขณะนี้