เชียงราย - ไฟป่าลามจากสวนลิ้นจี่ ไหม้บ้านกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าบ้านอาดุ เมืองเชียงราย วอดเสียหายรวม 7 หลังรวด ขณะที่ “พระธาตุผาเงา เชียงแสน” วุ่นด้วย หลังเกิดไฟป่าเชิงดอยหลังวัด จนต้องระดมกำลัง-รถดับเพลิงสกัดกันนานกว่า 2 ชั่วโมง
เย็นวันนี้ (22 มี.ค.) ร.ต.ท.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ รอง สวป.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ต้องเร่งนำเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ พบบนยอดดอยวัดพระธาตุผาเงา ม.5 ต.เวียง อ.เชียงแสน หลังเกิดไฟไหม้ป่าบริเวณเชิงดอยหลังวัดอย่างหนัก จนเกิดเปลวไฟ และกลุ่มควันคละคลุ้ง
ต่อมานายพินิจ แก้วจิตคงทอง นายอำเภอเชียงแสน พร้อมรถดับเพลิงเทศบาล ต.เวียง และจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย, หน่วยกู้ชีพเวียงผาเงาเชียงแสน, เจ้าหน้าที่ อส.เชียงแสน, ทหารพรานที่ 3103 กองกำลังผาเมือง, ฝ่ายปกครอง พร้อมทั้งชาวบ้าน ได้ร่วมกันเข้าดับไฟอย่างเต็มที่
ซึ่งทั้งหมดใช้เวลาในการเข้าไปดับไฟนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่ยังคงมีความร้อนคุกรุ่นจึงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และพบว่าไฟได้ไหม้ป่าเสียหายกว้างประมาณ 30 ไร่แล้ว
นายพินิจกล่าวว่า ต้นเพลิงมาจากสวนของชาวบ้านรายหนึ่งที่อยู่บริเวณเชิงดอยพอดี เมื่อไปตรวจดูพบว่ามีการนำหญ้าแห้งมาวางไว้เป็นกองๆ บางกองก็ไหม้หมดแล้ว จึงได้แจ้งให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกสืบสวนติดตามหาตัวคนเผามาดำเนินการตามกฎหมาย
วันเดียวกัน ร.ต.ท.พิสิษฐ์ ไตรทิพจรัสพงศ์ ร้อยเวร สภ.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ภายในชุมชนหมู่บ้านอาดุ ม.11 ต.แม่ยาว อ.เมือง จึงพร้อมด้วยหน่วยดับเพลิงเทศบาล ต.แม่ยาว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านชาติพันธุ์อาข่า ที่สร้างบ้านติดกันหลายหลังลดหลั่นกันตามสันเขา และส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง โดยเพลิงได้โหมลุกไหม้ทางตอนบนของเนินเขาก่อนจะลามไปยังบ้านเรือนข้างเคียงอย่างหนักจนเปลวไฟ และควันไฟคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ขณะที่ชาวบ้านได้ช่วยกันนำถังตักน้ำสาด แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่สูง และเป็นฤดูแล้ง รวมทั้งมีไม้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้กว่าจะควบคุมเพลิงเอาไว้ได้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง
เมื่อตรวจสอบพบมีบ้านเรือนถูกไฟเผาไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง ทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด ได้แก่ บ้านเลขที่ 98 ของ น.ส.อำพร อายี และบ้านเลขที่ 387 ของนายกิตติชัย มาเยอะ รวมทั้งบ้านเลขที่ 193 ของนางวิไรภร ยอรึ นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ติดกันถูกไฟลามจนได้รับความเสียหายบางส่วน ได้แก่ บ้านเลขที่ 547 ของนางหมีแซ อามอ บ้านเลขที่ 604 ของนางอาหน่อ ซือมือ บ้านเลขที่ 443 ของนายอาโด่ อยู่รึ และบ้านไม่มีเลขที่ของนายเดชา ปาเปาอ้าย
ล่าสุดเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน แต่เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงมาจากไฟที่ไหม้ที่สวนลิ้นจี่ใกล้หมู่บ้าน ก่อนที่สะเก็ดไฟได้กระเด็นมากับกระแสลมที่พัดอย่างรุนแรง จนทำให้บ้านทั้ง 7 หลังถูกไฟไหม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบว่ามีการเผาในสวนลิ้นจี่โดยตรงหรือไม่อย่างไรต่อไป