ประจวบคีรีขันธ์ - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จัดเสวนาด้านการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อรวบรวมประเด็นปัญหา ข้อขัดข้องเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายจากทุกภาคส่วน และกระตุ้นให้ 23 จังหวัดชายทะเลจัดทำแผนบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำให้สอดคล้องต่อแผนชาติ และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่อาคารรับรองกองทัพบก 2 สวนสนประดิพัทธ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศูนย์ประสานการปฏิบัติการที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านการทำประมงผิดกฎหมาย มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และผู้ประกอบการภาคเอกชนในพื้นที่ 23 ชายทะเลเข้าร่วม
พร้อมกันนี้ ได้จัดการเสวนาด้านการทำประมงผิดกฎหมายจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ ผู้แทนจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย หรือ ศปมผ. พ.อ.สุรวุฒิ ชุติวิทย์ ผอ.รมน.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายมานพ หนูสอน รักษาการประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายมาโนช ไชยเกียรติกำจร ผอ.ฝ่ายสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง องค์การสะพานปลา
ซึ่งในแต่ละหน่วยงานได้กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย รวมทั้งนำเสนอปัญหา อุปสรรคข้อขัดข้องที่เกิดขึ้น รวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมรับฟังการเสวนา ซึ่งมาจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำไปปรับปรุง สร้างเครือข่าย รวมทั้งให้ 23 จังหวัดชายทะเลจัดทำแผนบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำให้สอดคล้องต่อแผนชาติ
พล.อ.ต.อำนาจ ทองอ่อน ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวว่า ปัญหาการทำประมงกฎหมายเป็นปัญหาของชาติ และเป็นเรื่องที่จะต้องเดินหน้าโดยเร็วที่สุด กอ.รมน.จึงเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหากับเจ้าภาพหลักคือ กรมประมง โดยมอบหมายให้ กอ.รมน.จังหวัดใน 23 จังหวัดชายทะเลเข้าไปร่วมดูแล
โดยสิ่งที่ทั้ง 23 จังหวัดจะต้องดำเนินการ คือ จัดทำแผนบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งจะต้องสอดคล้อง รองรับกับแผนของชาติ รวมทั้งจะต้องสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งขณะนี้ทราบว่าการจัดทำแผนดังกล่าวทั้ง 23 เรียบร้อย เนื่องจากในการจัดทำแผนบริหารสัตว์น้ำในแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกัน มีปัญหาไม่เหมือนกัน การสัมมนาครั้งนี้จึงเป็นการกระตุ้นเตือน และสร้างเข้าใจร่วมกันเพื่อเดินหน้าจัดทำแผนบริหารสัตว์น้ำเพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับสถานการณ์การทำประมงผิดกฎหมายของประเทศไทยดีขึ้นตามลำดับ ผู้ทำประมงมีการปรับตัวให้เข้าระเบียบของทางราชการ แต่สิ่งสำคัญคือ ภาครัฐเองจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันกับประมงพื้นบ้าน และพาณิชย์ให้ชัดเจนด้วย
