สุรินทร์ - ชาวนาเมืองช้างหันมาเลี้ยงกบใช้ภูมิปัญญาช่วยประหยัดต้นทุน เลียนแบบฝนตกสร้างบรรยากาศให้กบจับคู่ผสมพันธุ์ เพาะลูกอ๊อดขายรวมทั้งกบโตเต็มวัย สร้างรายได้ดีกำไรงามมากกว่าอาชีพทำนากับชะตากรรมคอยฟ้าคอยฝน
วันนี้ (21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านตราด ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายสมบูรณ์ หมายประโคน และนางสาววรรณา ศรีทองสุข เกษตรกรชาวนาชาวบ้านตราด ได้หันมายึดอาชีพเลี้ยงกบและเพาะพันธุ์กบหรือลูกอ๊อดขาย โดยกบที่เลี้ยงเป็นกบพันธุ์จามลักษณะตัวคล้ายกับกบนา ซึ่งตามธรรมชาติของกบจะออกมาร้องจับคู่ผสมพันธุ์ก็ต่อเมื่อมีฝนตกและน้ำท่วมขัง ฉะนั้นการนำภูมิปัญญาจากการเรียนรู้ธรรมชาติมาประยุกต์ใช้จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการทำฟาร์มกบของชาวบ้านตราด เมืองช้าง
นายสมบูรณ์ หมายประโคน เปิดเผยว่า วิธีเลี้ยงและเพาะพันธุ์กบของตนนั้นเป็นการเลี้ยงแบบง่ายๆ กึ่งธรรมชาติและต้นทุนต่ำ ประมาณ 1,000 บาท/กระชัง เพียงซื้อสแลนหรือตาข่ายสีเขียวมาทำเป็นกระชังและรองพื้นด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อขังน้ำ แล้วเติมน้ำก่อนนำหญ้าที่มีก้านใบลักษณะเป็นขนมาใส่ จากนั้นนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบ 20-30 คู่มาขังรวมกันไว้ในบ่อ พร้อมสร้างบรรยากาศให้มืดสนิท เงียบสงัด และเปิดน้ำจากสายยางไหลรินลงไปในบ่อให้มีเสียงคล้ายฝนตกอย่างต่อเนื่อง
โดยบ่อผสมพันธุ์กบนั้นต้องแยกออกมาจากบ่อเลี้ยงที่ทำขึ้นเป็นการเฉพาะ และเริ่มสร้างบรรยากาศให้กบจับคู่ผสมพันธุ์กันในช่วงเวลา 20.00-22.00 น. โดยกบตัวผู้ซึ่งมีขนาดตัวเล็กกว่ากบตัวเมียจะว่ายน้ำลอยตัวเข้าหากบตัวเมีย ก่อนกระโดดขึ้นเกาะเอวกบตัวเมียเมื่อผสมพันธุ์กัน แล้วกบตัวผู้จะถีบตัวออกไปจากกบตัวเมียและวางไข่ทันที ซึ่งไข่กบจะไปเกาะตามต้นหญ้าใบมีลักษณะเป็นขนที่เรานำมาใส่ไว้
จากนั้นในเช้าวันต่อมาจึงมาแยกเอาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบออกไปจากบ่อกระชัง คงเหลือไว้แต่ไข่กบจนกลายเป็นลูกอ๊อด เมื่อลูกอ๊อดหรือกบตัวน้อยอายุได้ 1 เดือนก็สามารถนำออกจำหน่ายได้ในราคาตัวละ 1.50 บาท ซึ่งปัจจุบันขายดีมาก จนผลิตไม่ทันและมีเท่าไรไม่พอขาย ส่วนคนที่ซื้อไปนำไปเลี้ยงต่ออีก 3 เดือนสามารถขายเป็นกบรุ่นได้ ในราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท
“ส่วนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบ ใช้งานไปได้ 1-2 ปีต้องเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งหันมาทำอาชีพนี้มา 3 ปีแล้ว มีรายได้มากกว่าทำนาปลูกข้าวซึ่งชะตากรรมขึ้นอยู่กับฟ้าฝนที่เอาแน่นอนไม่ได้ โดยได้กำไรปีละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท อีกทั้งลูกอ๊อดและกบโตเต็มวัยยังสามารถใช้ประกอบอาหารได้ โดยเฉพาะที่ตลาดช่องจอม ชายแดนไทย-กัมพูชา นั้นขายดีมาก” นายสมบูรณ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงกบนั้นมีอุปสรรคเช่นกัน หากเกิดโรคระบาดในบ่อหรือกระชังเลี้ยงกบจะตายยกบ่อ โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งเช่นนี้หากไม่นำกบเข้าบ่อแบบปิดแต่ให้กบอยู่ในกระชังกลางแจ้ง เมื่อมีฝนตกลงมาใส่กระชังกบจะน็อกน้ำตายเพราะปรับสภาพรับน้ำฝนไม่ทัน ซึ่งการเลี้ยงกบต้องระวังเป็นพิเศษด้วย