ศรีสะเกษ - พายุฤดูร้อนถล่ม อ.ภูสิงห์ ศรีสะเกษ บ้านเรือนพังยับ 19 หลัง คุณตาวัย 67 ปี เผยวินาทีแทบเอาชีวิตไม่รอดหนีตายพายุพัดถล่มบ้านพังพาบลงทั้งหลัง ด้านเหล่ากาชาดจังหวัดฯ เร่งเข้าช่วยเหลือ
วันนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านคลองคำ-โคกแต้ หมู่ที่ 7 ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายเมธี สุพรรณฝ่าย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยนางประเทือง สุพรรณฝ่าย รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ นายธนกร พูนติ้ม หัวหน้าฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ และส่วนราชการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่ประสบวาตภัยพายุฤดูร้อนพัดบ้านเรือนพังเสียหาย
จากการตรวจสอบพบว่า มีบ้านเรือนของชาวบ้านถูกพายุพัดเสาเรือนหักโค่นและทำให้บ้านทั้งหลังพังพาบลงมากองกับพื้น เสียหายทั้งหลังไม่สามารถซ่อมแซมได้ เจ้าของบ้านต้องวิ่งหนีตายไปอาศัยบ้านเรือนของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงพักอาศัยช่วงคราว ซึ่งนายเมธีได้มอบถุงยังชีพให้แก่ชาวบ้านที่ประสบวาตภัยเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นการเบื้องต้น
นายเมธี สุพรรณฝ่าย รองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้เกิดเหตุวาตภัยพายุฤดูร้อนพัดบ้านเรือนของชาวบ้านที่บ้านคลองคำ-โคกแต้ หมู่ที่ 7 ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านในเขต อ.ภูสิงห์ ได้รับความเสียหายรวมจำนวนทั้งสิ้น 19 หลัง เสียหายพังยับเยินทั้งหลังจำนวน 1 หลัง นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนของชาวบ้านในเขต ต.ห้วยติ๊กชู เสียหายจำนวน 3 หลัง ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการช่วยซ่อมแซมบ้านและสร้างบ้านให้แก่ชาวบ้านที่ประสบวาตภัยให้กลับคืนสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบวาตภัยในครั้งนี้อย่างเร่งด่วนต่อไป
นายสุนัย ใจดี อายุ 67 ปี ชาวบ้านคลองคำ-โคกแต้ หมู่ 7 ต.โคกตาล เปิดเผยถึงวินาทีพายุพัดถล่มจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ว่าขณะเกิดเหตุกำลังนั่งอยู่ในบ้าน ปรากฏว่เกิดมีลมพัดกระโชกแรงมาก แรงลมได้ทำให้บ้านของตนโยกไปมา ตนกลัวมากเกรงว่าบ้านจะพังลงมาจึงได้ตัดสินใจวิ่งหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน และขณะนั้นท้องฟ้าได้มืดครึ้มมากมีฝนตกลงมาอย่างหนัก บวกกับลมพายุที่พัดถล่มบ้านของตนอย่างรุนแรงทำให้บ้านของตนเสาหักและบ้านได้พังลงมากองกับพื้นเสียหายทั้งหลัง ซึ่งตนเก็บเงินไว้เป็นเวลาหลายสิบปีกว่าจะมีเงินสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่อาศัยของตนกับครอบครัว เมื่อบ้านพังทั้งหลังยังไม่รู้เลยว่าจะหาเงินที่ใดมาสร้างบ้านใหม่ คงจะต้องรอความเมตตาจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือสร้างบ้านให้ใหม่ต่อไป