บุรีรัมย์- “พล.ต.อ.ศรีวราห์” รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ลุยตรวจสอบอายัดศูนย์ปฏิบัติธรรมบุรีรัมย์เครือข่ายธรรมกาย จ.บุรีรัมย์ หลังมีผู้ร้องบุกรุกที่ป่า และฮุบที่ทำกินชาวบ้านเพื่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมกว่า 64 ไร่ ขณะเข้าตรวจสอบมีผู้ศรัทธาธรรมกายบันทึกภาพ จนท. จนเกิดการโต้เถียงกัน ด้านชาวบ้านที่อ้างเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์วอนช่วยเหลือให้ได้ที่ทำกินผืนสุดท้ายคืน
วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำ บช.ก. พล.ต.คณิศร สุนทรธีมากร ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้มีอิทธิพลบุกรุกแผ้วถางป่าสาธารณประโยชน์ในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ กว่า 64 ไร่ เพื่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมในเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ตำรวจ ปทส. พร้อมกับหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ บร.4 บาระแนะ เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวพบมีการรุกที่ป่าจริง จึงร้องทุกข์กล่าวโทษฐาน “แผ้วถางป่า ก่อสร้าง ยึดครอง ทำให้เสื่อมสภาพ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้และ พ.ร.บ.ที่ดิน” พนักงานสอบสวน ปทส.จึงรับเป็นคดี
จากการสืบสวนสอบสวนปรากฏหลักฐานว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้มี พระปลัดเกื้อกูล สุภนันโท อายุ 53 ปี สังกัดวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นผู้ดูแล
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ร่วมประชุมกับหลายภาคส่วนที่ สภ.สองห้อง ก่อนลงพื้นที่หมู่ 10 บ้านหนองค่าย ม.10 ต.บ้านบัว อ.เมืองบุรีรัมย์ ที่ตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม
จากการตรวจสอบพบว่า มีการล้อมรั้วไว้อย่างแน่นหนา เนื้อที่ 64 ไร่ โดยพบว่ามีสิ่งปลูกสร้างอาคารต่างๆ มากกว่า 5 หลัง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ขนาดใหญ่อีก 1 หลัง มีการขุดบ่อบาดาล ตั้งเสาสัญญาณ และสายนำสัญญาณ โดยมีชาวบ้านที่อ้างว่า เคยถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวส่วนหนึ่ง แต่ถูกศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าวล้อมรั้วฮุบที่โดยมิชอบ
ในระหว่างที่รอง ผบ.ตร. และคณะ ตรวจสอบพื้นที่ภายในศูนย์ปฏิบัติธรรมอยู่นั้น มีผู้ที่ศรัทธาในศูนย์ปฏิบัติธรรมมาบันทึกภาพของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา จนเกิดการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงเข้าขอตรวจสอบบัตรประชาชน และอุปกรณ์บันทึกภาพของบุคคลดังกล่าว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบศูนย์ปฏิบัติดังกล่าวยังไม่พบการขออนุญาตจดทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์ หรือวัดแต่อย่างใด เปิดใช้มา 4-5 ปี มีผู้มาปฏิบัติธรรมตลอด แต่ปิดตัวไปตั้งแต่เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี จากการตรวจสอบ และข้อมูลหลักฐานศูนย์ปฏิบัติแห่งนี้เข้าข่ายบุกรุกป่า ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มดำเนินคดีก็มีชาวบ้านในพื้นที่เข้าร้องเรียนว่าพื้นที่ดังกล่าวบางส่วนเคยเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง แต่มีการเปลี่ยนมือโดยมิชอบ จนตกเป็นของศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ 4 ราย
โดยหนึ่งในนั้น คือ นางธนู ชนะศึก ชาว จ.บุรีรัมย์ ที่อ้างว่ามารดาเคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ 38 ไร่ มีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ถูกต้อง ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไปว่าชาวบ้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ภายใน 1-2 วันนี้จะออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง และเบื้องต้นได้อายัดพื้นที่ห้ามเข้าจนกว่ากระบวนการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น
นางธนู กล่าวว่า มารดาของตนถือครองสิทธิทำกินในที่ดิน 38 ไร่ มากว่า 50 ปีแล้ว แต่เมื่อปี 2516 แม่ได้นำไปขายฝากกับญาติ จำนวน 25 ไร่ เป็นเงิน 500 บาท และได้ไถ่ถอนหมดแล้ว แต่เมื่อไปขอเอกสารสิทธิคืน กลับไม่ได้ กระทั่งพบภายหลังว่า มีการออกโฉนดที่ดินผืนนี้ และมีการขายให้บุคคลที่เป็นตัวแทนสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมนี้ ตนได้ฟ้องร้องขอคืนสิทธิมาตลอด แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กลับถูกฮุบที่ไปทั้งหมด
“จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ เพราะอยากที่ดินส่วนที่เหลือ 13 ไร่ นอกเหนือจาก 25 ไร่ ที่แม่ได้ขายฝากไปก่อนหน้านี้แต่ถูกฮุบไปทั้งหมด เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นที่ทำกินผืนสุดท้ายของครอบครัว” นางธนู กล่าวในตอนท้าย