สุรินทร์- ไอ้เหี้ยมมือปืนเอ็ม16 กราดยิงเพื่อนบ้านชาวเมืองช้าง ขณะใส่บาตรพระ ดับ 1 สาหัส 3 ราย รับสารภาพอ้างก่อเหตุสลดเพราะแค้นผู้ตาย และญาติชอบนินทาว่าร้าย เผยหลังก่อเหตุหลบหนีไป 4 วัน คิดถึงลูกน้อยวัย 4 เดือน จึงย้อนกลับมาเบิกเงินในแบงก์ 2 แสน เพื่อจะนำเงินไปให้ลูกเมียใช้ จนถูก ตร.จับกุม ระบุสั่งซื้อปืนสงครามทางเฟซบุ๊ก และมีประสบการณ์ใช้อาวุธตามวิถีคนชายแดน
วันนี้ (17 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เดชา ชวยบุญชุม ที่ปรึกษา (ปป 21)ได้เดินทางมาประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเร่งรัดติดตามคดีสะเทือนขวัญในพื้นที่ จ.สุรินทร์ 2 คดี คือ คดีปล้นเงินสหกรณ์ออมทรัพย์อนามัยสุรินทร์ กว่า 2 ล้านบาท และคดีมือปืนเอ็ม16 กราดยิงเพื่อนบ้านเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งเป็นภรรยา ลูกชาย และแม่ยายของผู้เสียชีวิต โดย มี พล.ต.ต.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) และ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) สุรินทร์ พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนทั้ง 2 คดี เข้าร่วมประชุม
จากนั้น พล.ต.อ.เดชา ชวยบุญชุม ที่ปรึกษา (ปป 21) และคณะ ได้แถลงข่าวตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ จับกุม นายเดชา หรือเทือง คงชูดี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 บ้านกระเพอสะกวม ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธปืนเอ็ม16 กราดยิงเพื่อนบ้าน ชาวบ้านกระเพอสะกวม ต.ท่าสว่าง เสียชีวิต 1 รายบาดเจ็บ 3 ราย แล้วหลบหนี เกิดเหตุเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในวันนี้ (17 มี.ค.)
พล.ต.อ.เดชา กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วให้การรับสารภาพ และยอมรับว่าที่ก่อเหตุลงมือยิงเพื่อนบ้านเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่พอใจถูกคนตาย และญาติพี่น้องชอบนินทาว่าร้ายตัวเองอยู่บ่อยมาก นับตั้งแต่ได้มาแต่งงานอยู่กับภรรยาในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ 5 เดือน เพื่อนบ้านมักนินทาว่าไม่ออกมาพบปะพูดคุยกับใคร และไม่สุงสิงกับใคร ทำให้เขาเก็บกดเพราะเพื่อนบ้านดูถูก จนก่อเหตุสลดขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาเป็นชาว อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นอำเภอติดชายแดนกัมพูชา เรียนรู้ และมีประสบการณ์ใช้อาวุธปืนตามวิถีชีวิตคนชายแดน ส่วนอาวุธปืนเอ็ม16 ที่ใช้ก่อเหตุสารภาพว่า สั่งซื้อมาทางเฟซบุ๊ก และเพิ่งนำออกมาได้ไม่กี่วันก่อนนำมาก่อเหตุ ซึ่งในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปสืบสวนสอบสวนขยายผลติดตามจับกุมขบวนการซื้อขายอาวุธปืนผ่านโซเชียลมีเดียต่อไป
นายเดชา หรือเทือง คงชูดี อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาให้การสารภาพเพิ่มเติมว่า หลังจากก่อเหตุในวันที่ 14 มี.ค.แล้ว ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามทางหลวงสายหลัก ผ่าน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ อ.ประโคนชัย อ.บ้านกรวด อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ไปจนถึง จ.สระแก้ว และตระเวนหลบหนีหลับนอนตามสถานที่ต่างๆ ใน จ.สระแก้ว
จากนั้นเมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) ได้เดินทางกลับมาที่ จ.สุรินทร์ และในเวลา 10.10 น.วันนี้ (17 มี.ค.) ได้มาจอดรถไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์ ก่อนเดินเข้าไปธนาคารกรุงเทพ สาขาสุรินทร์ เพื่อนำสมุดบัญชีไปเบิกเงินสด ซึ่งมีเงินอยู่ในบัญชีกว่า 2 แสนบาท เพื่อจะนำเงิน ไปให้ลูกเมียที่บ้านกระเพอสะกวม เพราะคิดถึงลูกที่ยังเล็กอายุเพียง 6 เดือน และตั้งใจว่าเมื่อเอาเงินไปให้ลูกเมียแล้ว จะเดินทางมามอบตัว แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมเสียก่อนขณะอยู่ในธนาคาร
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเปิดเผยว่า ก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหาได้ในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ได้มีการสอบปากคำบุคคลใกล้เคียงผู้ต้องหา ทั้งภรรยาผู้ต้องหา และคนในหมู่บ้านกระเพอสะกวม จนทราบว่า ผู้ต้องหามีเงินฝากกว่า 2 แสนบาท อยู่ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุรินทร์ เป็นสมุดเงินฝากประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานกับเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ทำการอายัดบัญชี ชื่อ นายเดชา คงชูดี ไว้ก่อน เพราะมีคดียิงคนตายติดตัว และหากพบตัวผู้ต้องหามาเบิกเงินกับธนาคารให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีเพื่อทำการจับกุม
ขณะเดียวกัน สภ.เมืองสุรินทร์ ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าประจำที่ธนาคารกรุงเทพ สาขา สุรินทร์ กระทั่ง เวลา 10.10 น.วันนี้ คนร้ายได้เดินทางมา ธนาคารเพื่อทำการเบิกเงินสดด้วยการใช้สมุดบัญชีเบิกเงิน เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุรินทร์ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำอยู่ในธนาคารเข้าทำการจับกุมได้อย่างรวดเร็ว ไม่เกิดการปะทะ และไม่มีความรุนแรง หลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาได้จึงควบคุมนำมาสอบปากคำ ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ ทันที
นอกจากนี้ พล.ต.อ.เดชา ชวยบุญชุม ที่ปรึกษา (ปป 21) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายปล้นชิงทรัพย์เงินของสหกรณ์ออมทรัพย์อนามัยสุรินทร์ จำนวน 2 ล้านบาท เกิดเหตุเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายแล้วว่าเป็นใคร และกำลังติดตามจับกุมตัว แต่เจ้าหน้าที่พูดอะไรไปมากไม่ได้จะเสียรูปคดี แต่ยืนยันว่าตำรวจทำงานเต็มที่ใกล้ได้ตัวคนร้ายแล้ว อีกไม่นานจะมีข่าวดีในคดีนี้แน่นอน
