มหาสารคาม - ม.มหาสารคาม เปิดตัวต้นแบบ “หุ่นฟางไดโนเสาร์” พร้อมจัดนิทรรศการย้อนรอยเรื่องราวดินแดนอู่ข่าวอู่น้ำ ครั้งแรกในไทย เผยเป็นการผสมผสานศาสตร์ด้านบรรพชีวินวิทยาที่ศึกษาเกี่ยวกับไดโนเสาร์และโลกดึกดำบรรพ์ กับศาสตร์ด้านศิลปะการสร้างประติมากรรมจากฟางข้าว
เช้าวันนี้ (17 มี.ค.) ที่ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) จัดงานเปิดตัวต้นแบบ “หุ่นฟางไดโนเสาร์ นิทรรศการย้อนรอยเรื่องราวดินแดนอู่ข่าวอู่น้ำ” ณ ลานสนามหญ้าหน้าป้าย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม-ดอนยม โดยมีนายเสน่ห์ นนทะโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธาน ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการวิธีและขั้นตอนการทำหุ่นฟางไดโนเสาร์ และนิทรรศการแหล่งเรียนรู้ฟอสซิลไดโนเสาร์ โดยจัดแสดง ณ ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มมส
ดร.วราวุธ สุธีธร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มมส. กล่าวว่า ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา ได้เปิดตัวต้นแบบหุ่นฟางไดโนเสาร์ไทยตัวแรกของประเทศ ภายใต้โครงการต้นแบบหุ่นฟางไดโนเสาร์ ย้อนรอยเรื่องราวดินแดนอู่ข้าวอู่น้ำ โครงการหนึ่งคณะหนึ่งศิลปวัฒนธรรม เพื่อเป็นการผสมผสานศาสตร์ด้านบรรพชีวินวิทยา ที่ศึกษาเกี่ยวกับไดโนเสาร์และโลกดึกดำบรรพ์ กับศาสตร์ด้านศิลปะ การสร้างประติมากรรมจากฟางข้าว จากต้นแบบหุ่นฟางรูปสัตว์ในเทศกาลหุ่นฟาง ประเทศญี่ปุ่น สู่แรงบันดาลใจในการพัฒนาหุ่นฟางไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทย
โดยเลือกไดโนเสาร์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ ไดโนเสาร์สายพันธุ์คอยาวหางยาว 1 ใน 9 สายพันธุ์ไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทย และได้ศึกษาการผูกฟางจากปราสาท รวงข้าว ณ วัดเศวตวันวราราม จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นต้นแบบในการผูกฟางเข้ากับโครงไดโนเสาร์
การสร้างประติมากรรมหุ่นสร้างไดโนเสาร์ไทยครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ โดยอาจารย์สันติสุข แหล่งสนาม และคณะนิสิต ภาควิชาประติมากรรม ในการสร้างโครงเหล็กให้เป็นรูปไดโนเสาร์ที่มีความสูงถึง 6 เมตร ยาว 14 เมตร และบุคลากรศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา พร้อมด้วยนิสิตภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ช่วยกันผูกฟางใช้เวลาประกอบจากโครงสร้างเหล็กจนถึงการผูกฟาง ประมาณ 2 เดือน
ด้านนางสิริภา พงษ์แสงทอง หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่าการเลือกใช้ฟางข้าวในการสร้างประติมากรรมไดโนเสาร์ไทยครั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าภาคอีสานของเราประกอบอาชีพการทำนาเป็นหลัก หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว สิ่งที่เหลือหลังจากการตีข้าวก็คือฟางข้าว ฟางข้าวจึงอยู่ในวิถีชีวิตของชาวอีสาน ที่สามารถสื่อสารได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหารของภูมิภาค
นอกจากนี้ยังสามารถย้อนรอยไปถึงเรื่องราวความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินส่วนที่เป็นภาคอีสานในอดีต เมื่อประมาณ 100 กว่าล้านปีก่อน ในช่วงเวลาที่มีไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินแห่งนี้
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถชมต้นแบบหุ่นฟางไดโนเสาร์ไทย ได้บริเวณหน้าป้าย มมส. ฝั่งบ้านดอนยม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2560 นี้ โดยในเวลาประมาณ 10.00 น.จะเป็นพิธีเปิดตัวต้นแบบหุ่นฟางไดโนเสาร์และสามารถชมนิทรรศการต้นแบบหุ่นไดโนเสาร์ ย้อนรอยเรื่องราวอู่ข้าวอู่น้ำที่จะบอกถึงที่มาที่ไปของหุ่นฟางไดโนเสาร์ยักษ์ เรื่องราวของแผ่นดินแดนอีสานอันอุดมสมบูรณ์ในอดีต และไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทยทั้ง 9 สายพันธุ์ นิทรรศการจะติดตั้งให้รับชมตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จะได้จัดประชุมวิชาการบรรพชีวินไทยและมหกรรมความรู้ไดโนเสาร์ไทย ภายใต้ชื่อ “บรรพชนชื่นชีวิน : La Fete de Dino ครั้งที่หนึ่ง” ณ ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มมส.