ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าของร้านวอล์กกิ้งสตรีท เปิดคลิปวงจรปิดไม่มีการทำร้ายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อินเดีย แฉโคตรแสบ 18 มงกุฎ อ้างตัวเป็น CIA มาจับคนร้ายก่อนเรียกรับเงิน 2 แสน สุดท้ายไปแจ้งความ ตร.อีกอย่าง เล็งแจ้งความกลับฐานทำให้เสื่อมเสีย
จากกรณีหนุ่มลูกครึ่งไทย-อินเดีย ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ว่า ถูกการ์ดของสถานประกอบการในวอล์กกิ้งสตรีทพัทยา รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวภายในร้าน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (17 มี.ค.) นายภาคภูมิ ประทุมแดง อายุ 40 ปี ผู้จัดการทั่วไปของร้านที่เกิดเหตุ ได้นำคลิปวงจรปิดของร้านมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามข่าวที่หนุ่มลูกครึ่งไทย-อินเดีย แจ้งความแต่อย่างใด
ในคลิปปรากฏภาพชายหนุ่มลูกครึ่งคนดังกล่าวเข้ามาติดต่อสอบถามหาเจ้าของร้านที่บริเวณบูทดีเจ ก่อนทั้งสองพากันมาพูดคุยหลังร้าน จากนั้นหนุ่มลูกครึ่งได้ชักมีดคัตเตอร์ออกมา การ์ดของร้านจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ ระหว่างนั้นมีเพื่อนของหนุ่มลูกครึ่งเข้ามาบอกว่าเป็นเพราะความมึนเมาสุรา ตำรวจจึงควบคุมตัวไปโรงพัก ก่อนหนุ่มลูกครึ่งจะแจ้งความตามที่เป็นข่าว
นายภาคภูมิ กล่าวว่า ในการพูดคุยกับทางเจ้าของร้าน หนุ่มลูกครึ่งไทย-อินเดีย ได้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าหน้าที่ CIA มาจากประเทศอินเดีย เพื่อติดตามมาจับกุมคนร้ายที่หลบหนีมาท่องเที่ยวในร้านดังกล่าว ก่อนเรียกเงิน จำนวน 2 แสนบาท หากไม่นำมาให้จะประสานทีมงานที่อยู่ข้างนอกขึ้นมาจับกุม ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมของแก๊งมิจฉาชีพ 18 มงกุฎที่มาหากินกับสถานประกอบการ
อย่างไรก็ตาม จึงได้ทำการแถลงข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน และเป็นตัวอย่างให้สถานประกอบการอื่นๆ ระวังกลุ่มมิจฉาชีพมาหากินแบบนี้ และขอยืนยันว่า ทางร้านไม่ได้ทำร้ายนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย เพราะถือเป็นเรื่องที่ภาครัฐให้นโยบายแก่กลุ่มผู้ประกอบมาอย่างเคร่งครัด และจากนี้จะได้ทำการฟ้องกลับต่อหนุ่มลูกครึ่งฐานให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงตามลำดับต่อไป
