นครปฐม - กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ส่วนภูมิภาค สำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐม เพื่อติดตามตามผลการดำเนินงานในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ย้ำบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะที่ยังฝ่าฝืนใช้ความเร็วจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (17 มี.ค.) นายธานี สืบฤกษ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร อดีตเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ได้เดินทางมาที่สำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ในโครงการ มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการติดตามกำกับดูแล และพัฒนาการขนส่ง ยกระดับมาตรฐานในการเดินรถโดยสารสาธารณะ และรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับโครงการดังกล่าว สืบเนื่องจากสำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐม เป็นหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน มาดำเนินการปรับปรุงสำนักงาน เพื่อจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS นครปฐม และมีการจัดจ้างบุคลากรให้เพียงพอต่อการดำเนินงานของศูนย์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำหน้าที่ในการติดตาม และตรวจสอบข้อมูลจากการขับรถ และเดินรถระบบ GPS แบบเรียลไทม์
และรวบรวมข้อมูล และรายงานข้อมูลการเดินรถระบบ GPS จัดทำสถิติด้านความเร็วของรถชั่วโมงการทำงานของพนักงานขับรถ การใช้ใบอนุญาตขับรถ จำนวนเที่ยว และเส้นทางการวิ่งของรถ รวมทั้งสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำเป็นข้อมูลการกระทำความผิดเพื่อลงโทษตามกฎหมาย ปฏิบัติงานด้านการตรวจการขนส่ง และงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย โดยศูนย์แห่งนี้จะมีบุคลากรปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
นางกนกเนตร เนตรน้อย หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่งจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นแนวทางการบังคับใช้กฎหมายจากระบบ GPS ซึ่งกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินโครงการ มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ทุกคัน รถบรรทุกลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ทุกคัน แยกเป็นประเภทรถโดยสารสาธารณะทุกคัน รถลากจูง และรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป ทุกคันที่จดทะเบียนใหม่ต้องติดตั้งเครื่อง GPS และเครื่องบ่งชี้พนักงานขับรถ ตั้งแต่ 25 มกราคม 2559
โดยให้รถโดยสารสาธารณะ ติดตั้งครบทุกคัน ภายในปี 2560 รถตู้ร่วม บขส.ติดตั้ง GPS ครบทุกคัน ภายใน 31 มีนาคม 2560 รถลากจูง ติดตั้ง GPS ครบทุกคันภายในปี 2560 รถบรรทุกสาธารณะ ติดตั้งครบทุกคัน ภายในปี 2561 และรถบรรทุกส่วนบุคคล ติดตั้งครบทุกคัน ภายในปี 2562
ทั้งนี้ โดยจะมีผลดำเนินการระบบ Dashboard เป็นส่วนแสดงข้อมูลสถิติการติดตั้ง และการให้บริการระบบ GPS และแสดงจำนวนการกระทำความผิดในแต่ละประเภท ได้แก่ ระบบการค้นหาการกระทำความผิดย้อนหลัง 3 เดือน คือ รถที่มีความเร็วเกินกำหนดแบบ Real Time การไม่แสดงตนของผู้ขับรถ และชั่วโมงการทำงานเกินกำหนด ซึ่งจะมีการรายงานข้อมูลเข้าระบบขนส่งจังหวัดนครปฐมในแต่ละวันทางอีเมล
นอกจากนี้ จะมีการสรุปผลการกระทำความผิดรถที่มีความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 14 มีนาคม 2560 โดยพบผู้กระทำความผิดขับรถที่มีความเร็วเกิน จำนวน 14,459 คัน แยกเป็นรถโดยสาร 11,010 คัน และรถบรรทุก 3,449 คัน ส่วนกรณีพบรถที่กระทำผิดฝ่าฝืนกฎหมาย เช่น ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ GPS นครปฐม จะโทรศัพท์แจ้งไปยังผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อแจ้ง และกำชับพนักงานขับรถให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และรวบรวมรายงานรถที่กระทำผิดไว้เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาตามบทกำหนดโทษการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พุทธศักราช 2522
นางกนกเนตร กล่าวต่อไปว่า จากการวิเคราะห์รายงานการตรวจสอบรถที่วิ่งเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พบว่า สถานที่เกิดเหตุที่ใช้ความเร็วมากที่สุด ได้แก่ บริเวณกิโลเมตรที่ 52 และ กิโลเมตรที่ 58 ถนนเพชรเกษม อำเภอเมืองนครปฐม โดยขนส่งจังหวัดนครปฐม ได้จัดชุดตรวจเฉพาะกิจออกตรวจจับความเร็วรถ โดยใช้เครื่องตรวจจับความเร็วด้วยแสงเลเซอร์ เพื่อเป็นการบังคับใช้กฎหมาย และพิจารณาลงโทษตามบทกำหนดโทษการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พุทธศักราช 2522 และกรณีหากผู้โดยสารต้องการที่จะตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์โดยสารสาธารณะ หรือร้องเรียนเรื่องรถยนต์โดยสารสาธารณะคันใด สามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน DLT GPS
โดยผู้ต้องการใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้จาก Google Play ด้วยวิธีการกรอกเลขทะเบียนรถลงในแอปพลิเคชัน จากนั้นตัวแอปพลิเคชันจะแสดงแผนที่บอกตำแหน่งรถคันดังกล่าว หรือหากต้องการร้องเรียนก็สามารถถ่ายภาพ และกรอกข้อมูลผ่านทางแอปพลิเคชันเพื่อแจ้งเรื่องร้องเรียนได้เลย