ศรีสะเกษ- หัวหน้าบ้านพักเด็กฯ ศรีสะเกษ นำ จนท. ลงพื้นที่สอบพฤติกรรม 2 เด็กชายร้ายบริสุทธิ์บุกพังห้องเรียนยับเยิน เพื่อทำความเข้าใจขอความร่วมมือผู้ปกครองและเตรียมนำตัวไปตรวจสุขภาพจิตให้การช่วยเหลือ เผยพากันเข้าไปเตะฟุตบอลและเลียนแบบการฉลองแชมป์บอลแบบสุดมันจนห้องพังเละ ทั้งบีบกล่องนมพุ่งเป็นแชมปญ ละเลงสีและฉีกกระดาษทำเป็นริบบิ้นโปรย ขณะที่ผู้ปกครองเสียใจพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย
วันนี้ (16 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ และ ด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ นักเรียนโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้งัดหน้าต่างเข้าไปรื้อค้นทำลายทรัพย์สิน หนังสือเอกสาร และอุปกรณ์การเรียนการสอนภายในห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป.6) โรงเรียนบ้านหนองม่วงหนองแต้ ต.พยุห์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับความเสียหายยับเยิน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยุห์ ได้ไปทำการควบคุมตัวเด็ก รวมทั้งพ่อแม่ของเด็กมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริง และได้มีการเจรจาค่าเสียหายที่เกิดขึ้น โดยพ่อแม่ของเด็กยอมชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 40,000 บาท ให้แก่ทางโรงเรียนตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด น.ส.จันที สมนา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และตำรวจ สภ.พยุห์ ได้เดินทางไปพบกับครูวลี แสงทอง ครูศูนย์เด็กโรงเรียนบ้านหนองม่วงหนองแต้ จุดแรกที่เด็กชายทั้ง 2 คนปีนและงัดลูกกรงเหล็กเข้าไปขโมยน้ำ นม และไข่ในตู้เย็น ก่อนขโมยลูกฟุตบอลแล้วไปปีนหน้าต่างเข้าห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป.6) ห้องที่เกิดเหตุ
จากนั้นได้เล่นฟุตบอลกัน 2 คนภายในห้อง ป.6 คนหนึ่งเป็นผู้ยิงลูกโทษ อีกคนหนึ่งเป็นผู้รักษาประตู และเมื่อยิงประตูได้แล้วก็ฉลองชัยชนะโดยการเปิดนมกล่องบีบให้น้ำพุ่งกระจายเลียนแบบเหมือนกับทีมแชมป์ฟุตบอลเปิดขวดแชมเปญฉลองชัยชนะ พร้อมละเลงสี ฉีกกระดาษทำเป็นริบบิ้นเพื่อโปรยลงมาจากที่สูงลงสู่พื้นห้องเรียนเล่นกันอย่างสนุกสนาน
คุณครูวลีเล่าว่า ก่อนที่เด็กทั้ง 2 คนจะเข้ามาห้อง ป.6 ที่เกิดเหตุนี้ ได้ไปปีนเข้าห้องศูนย์เด็กก่อน ที่จริงแล้วเด็กคนแรก คือ ด.ช.เอ เคยเรียนที่ศูนย์เด็กนี้มาก่อนจึงไม่ทำร้ายห้องตัวเอง แต่พาเพื่อนที่อยู่บ้านใกล้เคียงกัน คือ ด.ช.บี มาเล่นอีกห้อง คือ ห้องเรียน ป.6 พร้อมขอยืนยันว่าเด็กทั้ง 2 คนเป็นเด็กดี แต่อาจเล่นสนุกมากไป หรือถูกกดดันจากผู้ปกครองจึงได้มาแสดงออกที่ห้องเรียนดังกล่าว
จากนั้น น.ส.จันที และคณะ ได้เดินทางไปที่บ้านหนองแต้ หมู่ที่ 7 เพื่อไปที่บ้านของ ด.ช.เอ โดยนายมนัส คันธชัย ผู้ใหญ่บ้าน ได้พาไปพบกับครอบครัวของ ด.ช.เอ และพบกับนายทองสุน ประชาราษฎร์ ผู้เป็นบิดา
นายทองสุน ประชาราษฎร์ กล่าวว่า เมื่อทราบเรื่องว่าลูกของตนได้ไปก่อเหตุพังห้องเรียนนั้นรู้สึกเสียใจ แต่ ไม่ได้ตบตีหรือทำร้ายเด็กแต่อย่างใด ซึ่งได้สั่งสอนลูกว่าไปทำทำไม ลูกได้บอกว่าไปกับเพื่อน ไปเล่นฟุตบอลกันภายในห้องเรียน ไม่ได้ทำลายอะไร ตนก็พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย แต่ต้องรอคณะกรรมการศึกษาประชุมกันว่าจะเอาอย่างไรก่อน เบื้องต้นนัดหมายที่จะประชุมหารือกันในวันที่ 24 มี.ค.นี้ เพราะช่วงนี้ทางโรงเรียนอยู่ระหว่างการพาเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษาแทบทุกวัน
จากนั้นได้เดินทางไปที่บ้านของ ด.ช.บี ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน โดยผู้ปกครองไปทำงานรับจ้าง ซึ่ง ด.ช.บี อาศัยอยู่กับพี่สาวของแม่ หรือป้า คือ นางบุญมี ศรีชาเนตร บ้านเลขที่ 41 หมู่ที่ 7 ปกติจะไปทำงานรับจ้างที่ อ.พยุห์ ทุกวัน ส่วนเด็กหากไม่ได้ไปโรงเรียนจะอยู่กับยาย คือ นางสุภีร์ สีชาเนตร อายุ 80 ปี
นางสุภีร์ สีชาเนตร อายุ 80 ปี ยายของ ด.ช.บี เล่าว่า พอทราบเรื่องว่าหลานไปเล่นสนุกพังห้องเรียนก็รู้สึกเสียใจ แต่พร้อมจะรับผิดชอบ ซึ่งต้องรอการประชุมคณะกรรมการศึกษาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหลานตนไปเล่นทำลายห้องเรียนหนักขนาดนั้นได้อย่างไร มีผีอะไรเข้าสิงถึงทำได้ขนาดนั้น จากนี้ไปพร้อมที่จะดูแลเด็กให้ดีและอยากให้ส่วนราชการหาทางช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คนด้วย เพราะ แม่พ่อ ไม่ได้อยู่เลี้ยงดูด้วย
ทางด้าน น.ส.จันที สมนา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ขอความร่วมมือจากผู้ปกครองเด็กทั้งสองคนพร้อมทำความเข้าใจกับทั้งพ่อ แม่ และยาย ในการดูแลเด็ก ลูกหลานและที่สำคัญจะได้ประสานนักจิตเวช เพื่อนำเด็กทั้ง 2 คน ไปตรวจสุขภาพจิต สภาวะจิต ประเมินจิต ก่อนให้ความช่วยเหลือ โดยอาจต้องขอตัวเด็กไปเรียนที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 29 จ.ศรีสะเกษ เพื่อฝากให้ครูที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางได้ดูแลเด็กโดยตรง เพราะเชื่อว่าเด็กทำไปด้วยคามรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และรักสนุก แต่เด็กมีความสามารถซ่อนอยู่ เพียงแต่ต้องแนะนำให้ใช้ให้ถูกทางเท่านั้น ซึ่งจะได้ประสานทุกฝ่ายเพื่อช่วยเหลือเด็กต่อไป