บุรีรัมย์- คืบหน้า “น้องคิว” พร้อมป้า ได้จุดธูปที่ศาลหลักเมือง บอกกล่าวแม่ที่เสียชีวิตเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ว่า มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือให้ได้เรียนวิศวะตามฝันแล้ว พร้อมประกาศงดรับบริจาค ระบุ ยอดเงินพุ่ง 1.6 ล้าน เพียงพอค่าเทอม และใช้จ่ายค่าเล่าเรียนแล้ว ทั้งยืนยันไม่ตอบโต้กระแสดรามา ถูกกล่าวหาในเฟซบุ๊ก และอโหสิให้ผู้โพสต์ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง
วันนี้ (14 มี.ค.) นายอธิวัฒน์ วิทย์พิชิตชัย หรือ น้องคิว อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม ที่สอบติด คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม พร้อมนางจันทร์จิรา เกียรตินอก อายุ 43 ปี ป้า ได้เดินทางไปจุดธูปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อบอกกล่าวดวงวิญญาณของแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ได้มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือค่าเทอม และค่าเล่าเรียน ให้ตนเองที่สอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เรียนตามฝันและที่ได้สัญญาไว้กับแม่ก่อนเสียชีวิตแล้ว
นายอธิวัฒน์ หรือ น้องคิว กล่าวว่า ขอประกาศยุติรับบริจาคจากผู้ใจบุญที่หวังดี เนื่องจากขณะนี้มียอดเงินบริจาคช่วยเหลือค่าเล่าเรียนแล้วกว่า 1.6 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายค่าเทอม และใช้จ่ายในระหว่างเรียนแล้ว แต่ไม่สามารถปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นบัญชีที่ใช้กู้ยืมเงิน กยศ. ในระหว่างการศึกษาที่ผ่านมา แต่อยากให้ผู้ใจบุญได้บริจาคช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสรายอื่น ซึ่งจากนี้ไปตนจะเป็นคนดีของสังคม และตั้งใจเรียนตามเจตนาของผู้ใจบุญและผู้มีจิตศรัทธา ที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือให้ตนมีโอกาสได้ศึกษาตามที่ฝันไว้
พร้อมกันนี้ นายอธิวัฒน์ หรือ น้องคิว ยังได้นำหลักฐานสูติบัตร หรือ ใบเกิด และหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ มายืนยันต่อสื่อมวลชน กรณีที่ถูกกล่าวหาในโลกโซเชียลมีเดีย กรณีพ่อจริง พ่อปลอม ว่า พ่อที่อยู่ด้วยปัจจุบันเป็นพ่อเลี้ยง ส่วนพ่อแท้ๆ หรือพ่อที่ให้กำเนิดนั้นได้ทิ้งไปตั้งแต่ตนอายุ 4 ขวบ ที่ผ่านมา ตนไม่เคยโกหก พร้อมให้ทุกคนเข้ามาตรวจสอบได้
ส่วนที่บอกกับสื่อไปว่า พ่อเลี้ยงไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับร้านอาหารตามคำสั่งของแม่ และบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่นั้น ตนแค่บอกเรื่องราวที่แท้จริงกับสื่อเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวพาดพิงพ่อเลี้ยง พร้อมขอโทษพ่อเลี้ยงที่ได้พาดพิงถึง หากมีโอกาสเรียนจบ มีงานทำ มีรายได้ ก็จะกลับมาตอบแทนพระคุณพ่อเลี้ยง ที่เคยดูแลช่วงที่แม่ยังมีชีวิตอยู่
กรณีที่มีผู้ออกมาโพสต์ในโลกโซเชียลมีเดีย กล่าวหาตนกับป้า ว่า หลอกลวง เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือนั้น ขอยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แต่ตนจะไม่ตอบโต้ และขออโหสิให้กับบุคคลดังกล่าว เพราะบางคนอาจไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเอง แต่อยากวิงวอนให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความเสื่อมเสีย และทำให้สังคมเข้าใจตนกับป้าผิด