ศูนย์ข่าวศรีราชา - หนุ่มโรงงานขี่รถจักรยานยนต์ชนกับเด็กวัยรุ่นเจ้าถิ่นในเครือสหพัฒน์ ก่อนคุยกันไม่รู้เรื่อง โทร.ตามลูกพี่พาพวกนับ 10 คน มารุมกระทืบจนนอนจมกองเลือด ต้องเย็บกว่า 30 เข็ม ก่อนรุดเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามแก๊งวัยรุ่นกลุ่มนี้มาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 18.30 น. วันนี้ (13 มี.ค.) นายทศพล แข็งกล้า อายุ 24 ปี ได้พา นายดำรงค์ พาพิรมณ์ อายุ 23 ปี รุ่นน้องที่ทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่งในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.พงศกร ผันผ่อน พนักงานสอบสวน สภ.หนองขาม ว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา บริเวณสี่แยกดีพร้อม หมู่ 11 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้ถูกกลุ่มของ นายพงศกร พรวัฒนา กับพรรคพวกประมาณ 10 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามารุมทำร้ายจนทำให้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ และใบหน้าต้องเย็บแผลเป็นจำนวน 32 เข็ม ใบหน้าบวมปูด มีเลือดคั่งในดวงตา ดั้งจมูกหัก ปากแตก หลังรักษาตัวแล้วจึงมาแจ้งความเพื่อให้ติดตามกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาดำเนินคดี
โดย นายทศพล แข็งกล้า เพื่อนผู้ได้รับบาดเจ็บเปิดเผยว่า ในวันที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 21.00 น. ตน และนายดำรงค์ (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) ได้ไปวิ่งออกกำลังกายกัน พอวิ่งเสร็จก็ชวนกันไปดื่มเบียร์กันที่บริเวณขอบสระน้ำในสวนสาธารณะสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ โดย นายดำรงค์ อาสาขี่จักรยานยนต์ออกไปซื้อเบียร์ และได้โทร.กลับมาบอกว่า ได้ไปประสบเหตุชนกับรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งอายุประมาณ 15-16 ปี จึงพูดคุยตกลงกัน แต่เด็กวัยรุ่นคนดังกล่าวได้โทรศัพท์ไปหาพี่ชายมาไกล่เกลี่ย
โดยฝั่งพี่ชายเด็กวัยรุ่นบอกให้ นายดำรงค์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายเพียงอย่างเดียว เรื่องถึงจะยุติ แต่พวกตนขอให้คุยกันก่อน หลังจากนั้น พี่ชายเด็กวัยรุ่นโทร.ไปฟ้องเพื่อนๆ ให้มาที่เกิดเหตุ ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายพงศกร พรวัฒนา ซึ่งมาพร้อมกับเพื่อนอีกประมาณเกือบ 10 คน หลังจากนั้น พอกลุ่ม นายพงศกร มาถึงได้บอกว่าให้ไปคุยกันที่โรงพักก็ได้ พอพูดจบ กลุ่มนายพงศกร ก็รุมเตะต่อย ทำร้ายร่างกาย นายดำรงค์ ทันที ส่วนตนตกใจวิ่งหลบหนีออกมาหลบหลังต้นไม้ พร้อมทั้งใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้น ชาวบ้านระแวกดังกล่าวโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ นายดำรงค์ ที่นอนหมดสติอยู่กลางถนน นำตัวไปส่งโรงพยาบาลทันที
หลังจากนั้น นายดำรงค์ ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา และเมื่อทางแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้จึงเดินทางมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว ซึ่งทราบภายหลังว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้น่าจะเป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่
