ระยอง - ฝรั่งแห่เล่น “เคเบิล ไรด์” โหนสลิงบนยอดไม้ท้าความตาย เขตป่าสงวนแห่งชาติ แหล่งต้นน้ำบนเขายายดาระยอง
วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง ว่า ที่บริเวณหมู่ 14 ที่ตั้งโครงการป่าชุมชนบ้านบ่อหิน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมเล่น “Cable Rides” เคเบิล ไรด์ กิจกรรมท้าความตายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเล่นกันเป็นประจำทุกวัน
โดยมีกลุ่มทัวร์ต่างชาติเดินทางมาจากพัทยา จ.ชลบุรี มาส่งที่สำนักงานขายที่ตั้งอยู่ใกล้ทางขึ้นเขาบ้านยายดา ตำบลตะพง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ยอมจ่ายเงินค่าเล่น เคเบิล ไรด์ ราคาคนละ 3,000 บาท พร้อมต้องยินยอมเซ็นชื่อเกี่ยวกับข้อห้าม เช่น ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคกลัวความสูง เพื่อเป็นการป้องกันอาจเกิดอันตรายขึ้นต่อผู้ที่เป็นโรคต้องห้ามดังกล่าวขณะโหนลวดสลิงซึ่งมีความสูงระดับยอดไม้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะขับรถยนต์กระบะโฟร์วีลขึ้นเขาไปส่งนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นไปเล่น เคเบิล ไรด์ซึ่งมีทั้งชาย และหญิง
สำหรับจุดปล่อยตัวการโหนเคเบิล ไรด์ ต้องเดินขึ้นบันไดวนที่มีความสูงสร้างขึ้นโดยรอบต้นกระบกขนาดใหญ่ ซึ่งมีอายุนับ 100 ปี ต้นไม้แต่ละต้นแต่ละจุดจะใช้ขอบยางรถยนต์ตัดเป็นชิ้นๆวางรอบต้นกระบก สำหรับรองรับสายลวดสลิงที่พันรอบจำนวนหลายรอบ ในแต่ละจุดที่เชื่อมโยงเพื่อดึงสายลวดสลิงทั้ง 15 จุด
โดยมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยใส่ชุดสายคล้องเอว ก่อนที่จะโหนสายลวดสลิงจากจุดนี้ไปยังอีกจุด ซึ่งมีทั้งหมดรวม 15 จุด ท่ามกลางบรรยากาศล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ที่มีความสูงชัน เป็นกิจกรรมท้าความตายซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติที่ชอบความสูง
ด้านความคิดเห็นของชาวบ้าน กล่าวว่า กิจกรรมโหนลวดสลิงในพื้นที่ป่าต้นน้ำเขายายดา ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ากะเฉด ป่าเพ และป่าแกลง จุดทางขึ้นเขาจะมีป้ายสวนสมุนไพรธรรมชาติ เขายายดา ตามแนวพระราชดำริ ฝายต้นน้ำเขายายดา ห้ามนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ในทางที่มิได้จัดไว้ เข้าไปดำเนินการใด ๆเพื่อหาผลประโยชน์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ส่วนทางเดินจะปูด้วยอิฐตัวหนอน แต่รถกระบะโฟร์วีลขนชาวต่างชาติวิ่งขึ้นไปเล่นเคเบิล ไรด์ โดยไม่สนป้ายห้ามแต่อย่างใด ซึ่งได้เปิดเล่นกันมานานหลายปีแล้ว ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจากกิจกรรมห้อยโหนท้าความตายแต่อย่างใด
บางคนมองว่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้ามดำเนินการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ แต่ทราบว่ามีการเก็บเงินชาวต่างชาติที่ขึ้นไปเล่น และเงินจำนวนดังกล่าวก็ไม่เคยช่วยเหลือให้แก่ชุมชน หรือชาวบ้านแต่อย่างใด