ศูนย์ข่าวศรีราชา- จ.ชลบุรี เร่งแก้ไขปัญหาขยะ หลังเริ่มประสบปัญหาไม่มีพื้นที่ในการฝังกลบ เนื่องจากที่ดินมีราคาแพง อีกทั้งถูกคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ ทำให้ขยะล้นเมือง ชี้มีช่องทางเดียว ชลบุรี ต้องมีโรงไฟฟ้าขยะเท่านั้น
นายเชาวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวถึงสถานการณ์ขยะ ขณะนี้จังหวัดชลบุรีเริ่มมีปัญหา ดังนั้น ทางจังหวัดจึงมีประกาศเพื่อการรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการขยะมูลฝอยของท้องถิ่นออกเป็น 5 กลุ่มในการรับผิดชอบ
เช่น กลุ่ม 1.ประกอบด้วย เทศบาลฯ และองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ อ.ศรีราชา ซึ่งมีขณะขยะประมาณวันละ 585 ตัน กลุ่ม 2 คือ เมืองพัทยา ท้องถิ่นอำเภอบางละมุง และสัตหีบ มีปริมาณขยะ 850 ตันต่อวัน โดยเมืองพัทยาเป็นเจ้าภาพหลักในการกำจัดขยะ โดยจะสร้างโรงกำจัดขยะไร้มลพิษ
กลุ่ม 3 ประกอบด้วย เขตอำเภอเมืองชลบุรี และพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางพระ จำนวนขยะทั้งสิ้น 625 ตันต่อวัน กลุ่มที่ 4 ประกอบด้วย 6 อำเภอ คือ พนัสนิคม บ้านบึง พานทอง หนองใหญ่ บ่อทอง และเกาะจันทร์ มีปริมาณขยะรวมทั้งสิ้น 550 ตันต่อวัน โดยพื้นที่บ้านบึงเป็นผู้รับผิดชอบ และกลุ่ม 5 คือ เกาะสีชัง แห่งเดียว ซึ่งมีขยะประมาณ 10 ตันต่อวัน
นายเชาวลิตร กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ขยะเริ่มเป็นปัญหาอย่างมาก โดยในอนาคตจะมีกฎหมายออกมาบังคับใช้ คือ ขยะที่เกิดขึ้นจากบ้านของใครบ้านหลังนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะที่ผ่านมา จะโยนกันไปโยนกันมา ซึ่งทุกวันนี้จังหวัดชลบุรี มีปัญหาขยะมากกว่า 2,800 ตันต่อวัน ทำให้มีขยะตกค้างเป็นจำนวนมาก เช่น แหลมฉบังกองเป็นภูเขา ที่เขาไม้แก้ว หนองขาม เทศบาลเมืองศรีราชา และบ่อขยะที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น บ้านบึง ซึ่งไม่ทราบว่าจะนำขยะดังกล่าวไปไว้ไหน
สำหรับการแก้ไขปัญหาขยะของจังหวัดชลบุรีนั้น คือ การสร้างโรงไฟฟ้าขยะ โดยการเผาเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะใช้รูปแบบฝังกลบเป็นไปได้ยาก เนื่องจากที่ดินที่ใช้ในการฝังกลบราคาแพงและถูกต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้น จังหวัดชลบุรีมีขยะเป็นจำนวนมาก การจะฝังกลบจึงทำได้ยาก
ที่ผ่านมา จังหวัดชลบุรีมีขยะจำนวนมากไม่สามารถกำจัดได้ทันท่วงที จึงต้องขนขยะไปทำลายข้ามจังหวัด เช่น สระบุรี สมุทรปราการ และ จ.ระยอง แต่ในอนาคตกระทรวงมหาดไทย จะมีประกาศห้ามนำขยะเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ หรือข้ามไปจังหวัดอื่นอีกต่อไป ซึ่งหากประกาศฉบับนี้ออกมาบังคับใช้จะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจต่อชาวบ้าน หรือชุมชนให้เข้าใจถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้