ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผอ.ท่าอากาศยานปาย แจงชัดไม่ใช่ต้นคิดขยายสนามบินปาย แค่รับเรื่องสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวปาย เสนอต่อเท่านั้น ยันวันนี้ยังไม่มีนโยบาย เผยข้อเสนอมีทั้งขยายรันเวย์-สร้างใหม่ในพื้นที่ ร.7 พัน.5 หรือ ต.ทุ่งยาว พบทั้งปีมีเครื่องขึ้นลง 309 เที่ยว ผู้โดยสารผ่าน 6 พันเศษ
วันนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นข้อเสนอขยายสนามบินปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้ 3 แนวทาง คือ ขยายทางวิ่งเดิมให้ยาวขึ้น จาก 900 เมตร เป็น 1,800 เมตร, สร้างสนามบินใหม่ในพื้นที่ของค่ายโสณบัณฑิต ร.7 พัน 5 และสร้างสนามบินใหม่ที่บริเวณ ต.ทุ่งยาว อ.ปาย ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้ กำลังกลายเป็นเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
นายวินิจ ศรีสวัสดิ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการท่าอากาศยานปาย (ทย.ปาย) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจจึงขอทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวปายว่า การเสนอให้ขยายพื้นที่สนามบินเพื่อรองรับเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จุผู้โดยสารมากขึ้นนั้นไม่ได้เป็นนโยบายของท่าอากาศยานปาย หรือของกรมท่าอากาศยานแต่ประการใด แต่เป็นเพียงแค่ข้อเสนอจากสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวปาย ที่คาดการถึงอนาคตว่า เมืองปายจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากขึ้น จึงได้ทำเรื่องนำเสนอมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 60 และได้ส่งเรื่องต่อไปที่ทางกรมท่าอากาศยานแล้วตามขั้นตอน แต่ต้องรอว่าทางกรมฯจะมีความเห็นว่าอย่างไรลงมา ซึ่งก็ยังไม่ได้มีคำสั่งอะไรลงมาเลย
ต่อมาได้มีคณะสมาชิกสภานิติบัญญิติแห่งชาติ คณะเล็ก ได้เดินทางมาเพื่อร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นด้านต่างๆ จากชาวเมืองปาย เมื่อ 25 ก.พ. ณ ที่ว่าการอำเภอปาย ซึ่งในวันนั้นก็ได้มีการนำเสนอเรื่องการขยายสนามบินปายจากทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวด้วย โดยเสนอความเห็นว่าท่าอากาศยานปายปัจจุบันมีทางวิ่งสั้นรองรับอากาศยานได้ขนาดเล็ก รับผู้โดยสานได้เพียง 12 คนต่อเที่ยวเท่านั้น จึงขอให้มีการขยายพื้นที่ให้ทางวิ่งยาวขึ้นเพื่อรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ประมาณ 70 ที่นั่งให้ลงได้ จะได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปายได้มากขึ้น และยังมีทางเลือกเพิ่มเติมนอกจากขยายสนามบินเดิม คือ สร้างสนามบินแห่งใหม่ขึ้นเลยในพื้นที่ของค่ายทหารโสณบัณฑิต ร.7 พัน.5 หรือพื้นที่ตำบลทุ่งยาว
โดยทางคณะ สนช.ได้รับฟังข้อมูลนำเสนอจากทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวปายแล้ว เห็นว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอ ยังไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบด้านต่างๆ จึงได้ขอให้กรมท่าอากาศยานนำไปศึกษาความเป็นไปได้และผลกระทบในด้านต่างๆ ก่อน ซึ่งในตอนนี้ทางกรมท่าอากาศยานยังไม่มีแผนงานโครงการขยายท่าอากาศยานปาย
นายวินิจเปิดเผยอีกว่า สนามบินปายมีความพร้อมในทุกๆ ด้านตามมาตรฐานสากลของสนามบินขนาดเล็ก มีอุปกรณ์และบุคลากร สถานที่ พร้อมทุกๆ ด้านในการให้บริการ และจากสถิติการใช้สนามบินที่ผ่านมากับจำนวนผู้โดยสารในปัจจุบันยังถือว่าไม่จำเป็นในการขยายสนามบินแต่อย่างใด ส่วนในอนาคตถ้าจะต้องมีการรองรับผู้โดยสารมากขึ้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้รอบด้านกันต่อไป
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานปาย หรือที่เรียกกันว่าสนามบินปายนั้น ก่อสร้างคร้งแรกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทหารญี่ปุ่น เพื่อใช้เป็นสนามบินลำเลียงทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ ในการเดินทัพไปยังพม่า หลังจากสงครามสิ้นสุดก็หยุดใช้สนามบินแห่งนี้ไป
ต่อมาในราว พ.ศ .2495 บริษัท เดินอากาศไทย ได้นำเครื่องบินขนาดเล็กมาบินเปิดให้บริการที่สนามบินปาย ซึ่งในขณะนั้นสนามมีความความยาวของทางวิ่งแค่ 700 เมตร ลักษณะพื้นผิวทางวิ่งเป็นลูกรังบดอัด เปิดบริการบินระหว่าง เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ปิดการให้บริการไป
ในปี พ.ศ. 2516 บริษัท ฟ้าสยาม (เอกชน) ได้มาเปิดให้บริการเส้นทางการบินเชียงใหม่-ปาย-เชียงใหม่ โดยใช้เครื่องบินขนาดเล็ก 3 ที่นั่ง และ 5 ที่นั่งทำการบิน คิดค่าโดยสารในสมัยนั้นเพียง 200-300 บาท ทำให้ได้รับความนิยมมาก จนเลิกทำการบินในปี พ.ศ. 2520 ต่อมาบริษัทสยามจีเอ SIAM GA (เอกชน) ได้นำเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กแบบคาราแวนมาให้บริการตั้งแต่ปี 2550 ก่อนหยุดทำการบินในปี 2554
กระทั่งบริษัท กานต์แอร์ (เอกชน) ได้นำเครื่องบินขนาดเล็ก 12 ที่นั่งมาให้บริการตั้งแต่ปี 54 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้รับความนิยมพอสมควร แต่ด้วยราคาค่าโดยสารที่ค่อนข้างสูงและปัจจุบันมีการปรับปรุงถนนทางหลวงหมายเลข 1095 เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ดีขึ้นมามาก การเดินทางโดยทางรถยนต์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นและถือว่าเป็นเสน่ห์ส่วนหนึ่งของการเดินทางมาเมืองปายผ่านถนนที่มากมายไปด้วยโค้ง แต่สวยงามตามธรรมชาติ
ปัจจุบันสนามบินปายได้รับการพัฒนาจากกรมท่าอากาศยานอย่างเต็มรูปแบบ และได้มาตรฐานสากลตามข้อกำหนด มีการปรับปรุงขยายความยาวของทางวิ่งเป็น 900 เมตร กว้าง 23 เมตร เครื่องบิน 12 ที่นั่งแบบคาราแวนขึ้นลงได้เต็มน้ำหนัก
นามเติมศักดิ์ แสงโชติ อดีตนายท่าอากาศยานปาย ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2516-2530 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้เข้ามารับราชการเป็นนายท่าอากาศยานปาย ในช่วงที่มีบริษัท ฟ้าสยาม เข้ามาทำการบิน ในสมัยนั้นได้รับความนิยมจากชาวปายเป็นอย่างสูงเพราะค่าโดยสารราคาไม่แพงจนเกินไป ในยุคนั้นทางวิ่งมีความยาวแค่ 700 เมตร กว้าง 20 เมตร ต่อมาบริษัท ฟ้าสยาม ได้เลิกกิจการไปในปี 2520 แต่ตนก็ยังรับหน้าที่ดูแลสนามบินแห่งนี้ต่อจนถึงปี 2530 ก่อนจะย้ายไปเป็นนายท่าอากาศยานที่จังหวัดอื่น แต่ตนก็ยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่ปายจนกระทั่งทุกวันนี้กล่าวได้เป็นชาวปายเต็มตัวแล้ว
นายเติมศักดิ์เปิดเผยต่อว่า ในปี 2528 พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้นเดินทางมาที่สนามบินปายโดยเครื่องบินทหาร ได้มีความคิดที่จะปรับปรุงและขยายสนามบินปาย โดยได้ส่งทหารช่างมาสำรวจและออกแบบไว้ ตนในฐานะนายท่าอากาศยาน และนายอดุลย์ พลประอินทร์ นายอำเภอปายในสมัยนั้น ได้จัดทำผ้าป่าสามัคคีได้เงินมาจัดซื้อที่ดินไปทางด้านทิศเหนือของสนามบิน (บ้านแม่ของ) ยาวขึ้นไปจากเดิมอีก 300 เมตร เพื่อเตรียมการปรับปรุงขยาย แต่ก็ไม่ได้ทำในปีนั้น เพราะลักษณะภูมิประเทศไม่อำนวย ต่อมาในปี 2553 ก็ได้มีการขยายทางวิ่งเป็น 900 เมตร กว้าง 23 เมตร จวบจนปัจจุบัน
นายเติมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องการบิน ทำงานเกี่ยวกับสนามบินมากว่า 50 ปี แทบจะเรียกได้ว่าตลอดชีวิตการทำงานตั้งแต่เรียนจบมาจากโรงเรียนการบินพลเรือน เห็นว่าสนามบินปายในทุกวันนี้ มีศักยภาพเพียงพอ มีความปลอดภัยที่จะให้บริการพี่น้องประชาชนชาวปายและนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างรีบได้แน่นอน ส่วนที่มีการเสนอให้ขยายสนามบินนั้นก็อยากจะให้ทบทวนและศึกษาความเป็นไปได้ให้ดี เพราะมีข้อจำกัดในหลายๆ เรื่อง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ลักษณะ-ข้อจำกัดทางภูมิประเทศ ผลกระทบต่อชุมชน วิถีชีวิต และสังคมของชาวปาย โดยเฉพาะข้อจำกัดในเรื่องของรายละเอียดด้านความปลอดภัยต่างๆ ของสนามบิน ที่จะต้องได้รับมาตรฐานจากองค์กรการบินระหว่างประเทศ ICAO [ International Civil Aviation Organization ] ซึ่งมีข้อกำหนดในรูปแบบต่างๆ อย่างทั่วถึง ไม่ใช่แค่จะขยายพื้นที่ลานบินเท่านั้น
“เป็นการยากไม่ใช่น้อยต่อแนวคิดที่จะขยายสนามบินปายแห่งนี้ นับว่าสนามบินปายมีอุปสรรคในด้านศักยภาพที่จะขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น”
ทั้งนี้ กลุ่มสื่อสารองค์กร สำนักงานเลขานุการกรม กรมท่าอากาศยาน ได้มีหนังสือสำคัญฉบับที่ 32/2560 เรื่องแผนพัฒนาสนามบินปาย ออกมาว่า นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน ได้กล่าวถึงกรณีที่คณะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและได้จัดให้มีการประชุมตามโครงการสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน (คณะเล็ก ชุดที่ 2) เพื่อศึกษาปัญหาด้านการจัดการท่องเที่ยวของอำเภอปาย ซึ่งสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวปาย ได้เสนอขอให้มีโครงการขยายท่าอากาศยานปายนั้น
ผู้แทนท่าอากาศยานปายได้กล่าวถึงข้อมูลพื้นฐานของท่าอากาศยานปายให้คณะ สนช.ทราบว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานปายมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 78ไร่ 2 งาน 59 ตารางวา มีทางวิ่ง (Runway) ขนาด 23 x 900 เมตร ทางขับ (Taxi) ขนาด 10 x 19 เมตร และมีลาดจอดอากาศยานขนาดเล็กได้พร้อมกัน 2 ลำ มีสายการบินที่ทำการบินเป็นประจำ คือ สายการบินกานต์แอร์ บินวันละ 1 เที่ยวบิน เส้นทางเชียงใหม่-ปาย-เชียงใหม่ รวมไปกลับ 2 เที่ยวบิน ด้วยอากาศยานขนาด Cessna 208B Caravan ปริมาณผู้โดยสารในปี 2559 ที่ผ่านมา มีเที่ยวบินจำนวน 309 เที่ยวบิน ผู้โดยสารขาเข้า 3,140 คน และผู้โดยสารขาออก 2,928 คน
จากข้อมูลดังกล่าว สนช.ได้เสนอแนะว่าหากจะมีโครงการขยายท่าอากาศยานปาย ควรให้มีการศึกษาข้อมูลเชิงลึก โดยเฉพาะการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งศักยภาพในการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยานปายยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรองรับได้ โดยจะเห็นได้จากจำนวนเที่ยวบินปัจจุบันที่มีเพียงวันละ 1 เที่ยวบิน ทั้งนี้ สายการบินกานต์แอร์มีความพร้อมที่จะเพิ่มเที่ยวบินหากมีความต้องการของผู้โดยสาร แต่ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันจำนวนความต้องการของผู้โดยสารยังไม่เพียงพอที่จะเปิดเที่ยวบินเพิ่ม จึงยังไม่มีการเพิ่มเที่ยวบินแต่อย่างใด