เชียงใหม่ - ปัญหาสี่ล้อแดง - อูเบอร์/แกรป คาร์ ส่อบานปลาย เสี่ยงทำท่องเที่ยวเชียงใหม่ฉาวอีก หลังมีคนตามขวาง Uber-Grab Car ถึงหน้าไนท์ซาฟารี ถามหาใบขับขี่สาธารณะคนขับไม่พอ ยังให้บอก นทท. ที่โดยสารมาลงรถด้วย ด้าน ขน. แจง ปชช. เรียกรถผ่านแอปฯได้ แต่รถต้องถูกกฎหมาย พร้อมเปิดทางรับข้อเสนอหาทางออกร่วมกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ปัญหาแท็กซี่อูเบอร์ - แกรป คาร์ ในเชียงใหม่ กำลังบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ หลังขนส่งจังหวัดฯ ร่วมกับทหาร - ตำรวจ ดำเนินการตรวจจับ - ปรับ ฐานใช้รถผิดประเภท ขณะที่สี่ล้อแดง ก็จัดทีมไล่ตรวจสอบเก็บหลักฐานถ่ายภาพ - ป้ายทะเบียนรถ ส่งให้เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด คืนที่ผ่านมา ยังเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเชียงใหม่ขึ้นด้วย เมื่อผู้ให้บริการแท็กซี่อูเบอร์ - แกรป คาร์ เชียงใหม่ รายหนึ่งรับนักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปเที่ยวไนท์ซาฟารี คืนที่ผ่านมา (8 มี.ค.) แต่ปรากฏว่า มีรถคล้ายกับรถสี่ล้อแดงตามไปขัดขวางกลางถนนก่อนเข้าไนท์ซาฟารี
นอกจากนี้ ยังสอบถามคนขับรถอูเบอร์ - แกรป คาร์ ด้วยว่า มีใบอนุญาตขับขี่สาธารณะหรือไม่ .. นำรถมารับผู้โดยสาร ถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งคนขับรถอูเบอร์ - แกรป คาร์ ดังกล่าว ได้ตอบกลับไปเป็นภาษาเหนือ ว่า “ไม่มี และไม่ถูกกฎหมาย แต่ลูกค้าเรียกมา จึงไม่รู้จะทำอย่างไร”
ซึ่งระหว่างนั้นมีเสียงผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่อูเบอร์ - แกรป คาร์ คาดว่า ได้โทรศัพท์บอกเพื่อนนักท่องเที่ยวด้วยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จากนั้นกลุ่มคนที่ขวางแท็กซี่อูเบอร์ - แกรป คาร์ ได้บอกให้คนขับรถแจ้งให้ลูกค้าลงจากรถ จนในที่สุดแท็กซี่อูเบอร์ - แกรป คาร์ คันดังกล่าว จึงตัดสินใจไม่เข้าไปเที่ยวในไนท์ซาฟารีแทน
ขณะที่ วานนี้ (8 มี.ค.) นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้ออกมาชี้แจงประเด็น ข้อเรียกร้องจากสังคมให้สนับสนุนรถโดยสารสาธารณะทางเลือกใหม่ (อูเบอร์ - แกรป) ว่า กรมฯ ได้ประชาสัมพันธ์และชี้แจงทางสื่อสาธารณะมาโดยตลอด ในกรณีการเรียกใช้บริการแท็กซี่หรือรถรับจ้างสาธารณะนั้น ไม่มีข้อกฎหมายห้าม สามารถเรียกรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันได้
แต่สิ่งที่ผิดกฎหมายคือ การนำแอปพลิเคชันไปใช้เรียกรถรับจ้างแล้วมาให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) คนขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ เก็บอัตราค่าโดยสารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขประกอบการ เอาเปรียบผู้โดยสาร ฯลฯ เป็นต้น
และนอกจากไม่มีข้อกฎหมายห้ามในการเรียกใช้รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันแล้ว กรมการขนส่งทางบก ยังสนับสนุนการให้บริการที่พัฒนาระบบเทคโนโลยีทันสมัยมาเป็นเครื่องมือการให้บริการ เพื่อการเข้าถึง เพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสาร หรือการให้บริการที่สะดวกมากขึ้น แต่ต้องให้บริการภายใต้กรอบกฎหมายตามที่กล่าวแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน และถูกต้องตามกฎหมาย ให้บริการอยู่แล้วหลายราย
ส่วนผู้ให้บริการแอปพลิเคชันที่ยังไม่ถูกกฎหมาย เช่น Uber Taxi หรือ Grab Car กรมการขนส่งทางบกยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการให้บริการที่ถูกต้องภายใต้กรอบของกฎหมายที่กำหนดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน
นายสนิท ยังระบุด้วยว่า ด้านการจับกุมและบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมาในทุกพื้นที่ เป็นการดำเนินการตามกฎหมายเมื่อพบการกระทำผิด ทั้งนี้ รวมถึงรถรับจ้างที่มีอยู่ในระบบปัจจุบันที่กระทำความผิดในทุกกรณี โดยมิได้เลือกปฏิบัติ หรือมิได้ทำเพื่อปกป้องประโยชน์ของกลุ่มใดโดยเฉพาะ
สำหรับการให้บริการรถรับจ้างที่ถูกกฎหมาย เป็นการปกป้องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้โดยสาร ตลอดจนผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างในระบบสาธารณะที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง ซึ่งจะสามารถติดตามรถ ติดตามตัวคนขับรถ มาดำเนินการทางกฎหมายได้ทุกคน ได้ทุกคัน ที่กระทำความผิดทุกกรณี
โดยรถรับจ้างต้องจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะ (ป้ายเหลือง) ต้องผ่านการตรวจสภาพปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง อุปกรณ์ส่วนควบตามกำหนด พร้อมมีประวัติฐานข้อมูลที่กรมการขนส่งทางบกทุกประเภททุกคัน รถรับจ้างสาธารณะทุกประเภทที่จดทะเบียนถูกต้องทุกคัน ต้องมีกรรมธรรม์ประกันภัย เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารตามกฎหมาย
ขณะที่คนขับรถรับจ้าง (ซึ่งต้องดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร) ต้องได้รับการคัดกรองโดยต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต้องผ่านกระบวนการทดสอบใบอนุญาตขับขี่สาธารณะจากกรมการขนส่งทางบก เท่านั้น พร้อมมีบันทึกประวัติในฐานข้อมูลทุกคน
ซึ่งประชาชนผู้โดยสาร สามารถร้องเรียนการให้บริการที่ไม่พึงประสงค์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อกรมการขนส่งทางบก ผ่านสายด่วน 1584, website, Face book, Line, Application : DLT Check-in/ DLT GPS ฯลฯ ซึ่งจะดำเนินการเด็ดขาด จริงจัง ทันที และทุกพื้นที่ ในทุกข้อร้องเรียน โดยดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุดทุกกรณีความผิด พร้อมนำมาตรการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง นำไปสู่การให้บริการที่มีคุณภาพต่อไป
นายสนิท ระบุด้วยว่า ในทางคู่ขนาน กรมการขนส่งทางบกได้พัฒนายกระดับมาตรฐานรถแท็กซี่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ความปลอดภัย โดยดำเนินโครงการ TAXI OK / TAXI VIP ดังนี้
1. โครงการ TAXI OK เป็นการยกระดับการให้บริการแท็กซี่ที่มีอยู่ในระบบ ต้องติดตั้ง GPS-Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, กล้อง CCTV, มีปุ่มฉุกเฉิน (ส่งข้อมูล Online มาที่ศูนย์ GPS ทันที), มีระบบแจ้งเตือนการใช้ความเร็ว รวมถึงจัดทำระบบเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงการให้บริการ เพิ่มความสะดวก ป้องกันปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร การไม่เปิดมิเตอร์ ติดตามพฤติกรรมตลอดการให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
2. โครงการ TAXI VIP หรือรถแท็กซี่ชนิดพิเศษ เป็นการเพิ่มทางเลือกในการให้บริการของประชาชน โดยใช้รถที่มีมาตรฐานขนาดตัวรถและสมรรถนะที่สูงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป เพิ่มอุปกรณ์ส่วนควบสำหรับให้บริการที่มีความสะดวกมากขึ้น เพิ่มเติมจากข้อกำหนดการติดตั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ส่วนควบ ตามโครงการ TAXI OK และผู้ประกอบการต้องเป็นนิติบุคคล มีความพร้อมทางธุรกิจ มีแผนการประกอบการแบบมืออาชีพ
3. โครงการ TAXI OK / TAXI VIP กรมการขนส่งทางบกได้เสนอแก้ไขกฎกระทรวงทั้งสองฉบับซึ่งผ่านความเห็นชอบ ครม. แล้ว เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา เพื่อส่งกระทรวงคมนาคมลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป