ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ครอบครัวและราษฎรเชื้อสายกะเหรี่ยงแม่แจ่มเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร้องขอความเป็นธรรมกรณีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปิดล้อมจับกุมผู้เสพยาเสพติในพื้นที่ แล้วใช้อาวุธปืนยิงวิสามัญชาวบ้านตาย 1 ราย และบาดเจ็บ 2 คน โวยเป็นการกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุเพราะคนเจ็บและคนตายไม่มีการต่อสู้ขัดขืน แถมตั้งข้อหาเป็นผู้ค้ายาทั้งๆ ที่เป็นเพียงผู้เสพเท่านั้น จี้ย้ายเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการออกนอกพื้นที่ด่วน หวั่นข่มขู่พยานทำลายหลักฐาน ยืนยันจะเก็บศพผู้เสียชีวิตไว้โดยไม่ประกอบพิธีตามศาสนาจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม
วันนี้ (8 มี.ค. 60) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ราษฎรเชื้อสายกะเหรี่ยงจากบ้านโม่งหลวง หมู่ที่ 6 ตำบลกองแขก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ หลายสิบคน นำโดยนายไวยิ่ง ทองบือ ตัวแทนเครือข่ายกะเหรี่ยงที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 2 มี.ค. 60 ชุดปฏิบัติการอำเภอแม่แจ่ม ที่ประกอบด้วย ตำรวจ, ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าทำการปิดล้อมจับกุมผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่ แล้วมีการใช้อาวุธปืนยิง ส่งผลให้นายสมชาย มงคลเจริญชาตรี อายุ 33 ปี เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ได้แก่ นายเมธิชัย ศิริสัมพันธ์ไพร อายุ 31 ปี และนายธันยา สมัครสามัคคี อายุ 21 ปี นอกจากนี้จับกุมตัวได้ 2 คน คือ นายสิงห์แก้ว พนาใสสมใจคิด อายุ 37 ปี และนายอินคา พวกกล้ากวีปฐม อายุ 37 ปี และหลบหนีไปได้อีก 1 คน คือ นายสามารถ จันตา อายุ 38 ปี โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อกล่าวหาจำหน่ายยาบ้า พร้อมของกลางยาบ้า 38 เม็ด, ฝิ่นจำนวนหนึ่ง, อุปกรณ์การเสพยา และอาวุธปืน 4 กระบอก
ทั้งนี้ นายไวยิ่งระบุว่า การเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ของกลุ่มราษฎรในพื้นที่เนื่องจากเห็นว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุจากการที่ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ต้องหาที่ไม่ได้ขัดขืนหรือยิงต่อสู้อย่างที่ถูกกล่าวหา นอกจากนี้ยืนยันว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นเพียงผู้เสพเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดอย่างที่ถูกตั้งข้อหา ซึ่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบประวัติได้ โดยมีเพียงนายสิงห์แก้วคนเดียวเท่านั้นที่ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้จำหน่ายจริง ดังนั้นจึงได้มีการรวมตัวยื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ รวมทั้งจะมีการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสภาทนายความด้วย โดยเรียกร้องให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับการตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินและผิดจากความเป็นจริง ด้วยการให้มีการดำเนินการสอบสวนใหม่โดยมีทนายความของผู้เสียหายเข้าร่วมด้วย
ขณะเดียวกันให้มีการดำเนินการสอบสวนพิสูจน์หาตัวผู้ที่ลงมือยิงผู้ต้องหาเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 2 คน ว่าเป็นผู้ใด โดยมีการแสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้มายืนยันด้วย และในระหว่างนี้ขอให้มีการย้ายเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ออกนอกพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องกันการทำลายหลักฐานหรือข่มขู่พยาน
รวมทั้งขอให้มีการจัดเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองราษฎรในพื้นที่ด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการข่มขู่หรือกลั่นแกล้งพยานและครอบครัวผู้เสียหาย นอกจากนี้ อยากเรียกร้องให้มีการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บด้วย โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งระหว่างที่รอผลตอบรับตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ทางกลุ่มราษฎรยืนยันว่าจะเก็บศพของผู้เสียชีวิตเอาไว้โดยยังไม่ยอมประกอบพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณีจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมตามที่เรียกร้อง
ส่วนภรรยาของนายสมชายที่ถูกยิงเสียชีวิตยืนยันว่า สามีเป็นเพียงผู้เสพยาเท่านั้น ไม่ได้มีพฤติการณ์เป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดอย่างที่ถูกเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหา นอกจากนี้เห็นว่าเจ้าหน้าที่กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงสามีของตัวเองจนเสียชีวิต ทั้งที่ไม่ได้ขัดขืนหรือต่อสู้เจ้าหน้าที่ ทำให้ครอบครัวทั้งตัวเองและลูกอีก 2 คนต้องสูญเสียเสาหลักที่หาเลี้ยงครอบครัว จึงต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ น้องชายของหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ระบุว่า จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด เพราะเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
ขณะที่ผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ระบุหลังรับหนังสือดังกล่าวว่า เบื้องต้นเมื่อได้รับหนังสือแล้วจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามที่เรียกร้อง โดยยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่มีการเข้าข้างฝ่ายเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน