ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - โครงการขยายสนามบินปายเริ่มระอุ ชาวบ้านเมืองปายเดินหน้าขอแสดงความคิดเห็นในฐานะเป็นคนปายแท้ๆ เป็นเจ้าของบ้าน ย้ำอย่ามุบมิบทำกัน บอกวันนี้ ปายเปลี่ยนไปมาก จนบางอย่างแทบทำใจไม่ได้แล้ว ไม่อยากก้าวกระโดดซ้ำ กลัวขาหัก
สืบเนื่องจากข่าว สนช.เดินสายรับฟังข้อมูลเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองปาย ที่มีการนำเสนอเรื่องการปรับปรุงและขยายท่าอากาศยานปาย เพื่อให้ สนช.นำเรื่องกลับไปพิจารณาด้วยนั้น (ส่องบิ๊กโปรเจกต์ปั้น “ปาย” : ชงขยายสนามบิน-ลุ้น สนช.หนุน http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000020561)
นางอำภา เทพวรรณ ชาวบ้านแม่นาเติง ซึ่งมีที่นาและบ้านอยู่ในเขตที่มีข่าวว่าจะขยายสนามบินไปถึงด้วย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกตกใจมาก แม้จะพอเคยได้ยินข่าวมาบ้างแล้วเป็นระยะๆ แต่เมื่อปรากฏว่ามีโครงการชัดเจนขึ้นมาอย่างนี้โดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องเลย ตนก็เพิ่งรู้ว่าจะมีการประชุมกับทาง สนช.เพื่อนำเสนอเรื่องนี้ ก็เลยมาร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นด้วย
“ยอมรับว่าตกใจและรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งคือ มีที่นา ที่ทำกินอยู่ในพื้นที่ ที่คาดว่าจะมีการขยายพื้นที่สนามบินด้วย และอีกส่วนหนึ่งในฐานะที่เป็นคนปายแท้ๆ ก็เป็นกังวลในหลายๆ เรื่องที่จะมีผลกระทบต่อเมืองปายต่อชุมชน ทั้งเรื่องเสียงรบกวนต่างๆ เพราะสนามบินอยู่ชิดกับตัวเมืองมากๆ ทั้งวัดต่างๆ เช่น วัดหัวนา วัดหลวง วัดแม่ของ และโรงพยาบาลปาย ซึ่งถ้ามีการขยายขึ้นมาจริงๆ ต้องได้รับผลกระทบแน่นอน”
นางอำภายังกล่าวด้วยว่า อยากให้ทางผู้ที่เคลื่อนไหวให้มีการปรับปรุงหรือขยายสนามบินแสดงตัวตนออกมา และชี้แจงข้อมูลต่างๆ ให้พี่น้องชาวปายได้ทราบได้รับรู้โดยทั่วกัน ไม่ใช่รับรู้กันอยู่เพียงแต่ในกลุ่มไม่กี่คนเท่านั้น
ซึ่งทำอย่างนี้เป็นการเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของบ้านเลย สมัยนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ไม่ควรที่จะมีอะไรมาปิดบังกันอีกแล้ว เพราะยิ่งแสดงท่าทีปิดบังยิ่งไม่ชอบมาพากล พอชาวบ้านรู้ทีหลังก็จะรู้สึกระแวงไม่สบายใจ ทั้งๆ เป็นโครงการใหญ่ระดับเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชุมชนได้เลยทีเดียว
“อยากจะร้องขอให้มีการเปิดเผยข้อมูล บอกเหตุผลที่อยากจะได้มา ซึ่งก็พร้อมที่จะเปิดใจรับฟังถึงข้อดีด้านต่างๆ ด้วยใจที่เป็นธรรม ขอเพียงแค่ให้พวกเราได้รับรู้กันบ้าง”
นางอำภาให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวแล้วรู้สึกพอใจกับความเจริญของเมืองปายที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งโตแบบก้าวกระโดดอยู่แล้ว หลายๆ สิ่งเปลี่ยนแปลงไปมีทั้งในด้านที่ดี และไม่ดี จากเมืองเกษตรกรรมที่อยู่กับแบบพอเพียงกลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งพื้นฐานจริงๆ ของเมืองปายคือ เกษตรกรรม ก็ยังมีชาวปายทำกันอยู่ทั้งปลูกข้าว หอม กระเทียม ถั่วเหลือง ฯลฯ
“พวกเราเป็นสังคมชาวบ้านสังคมเกษตรกรกันมานาน และพอใจในจุดนี้ ไม่ได้อยากให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอะไรไปอีกมากมาย ไม่อยากที่จะกระโดดซ้ำเพราะกลัวขาหัก กลัวว่าความเจริญที่เข้ามายิ่งจะทำให้ชาวบ้านอยู่กันยากยิ่งขึ้น เช่น ถ้าขยายสนามบินจริงๆ ก็ต้องมีชาวบ้านส่วนหนึ่งเดือดร้อนต้องถูกเวนคืนที่ดิน และวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิมชาวปายย่อมมีผลกระทบอย่างแน่นอน”
ส่วนในเรื่องของการท่องเที่ยว เราก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่อยากให้เป็นแบบปายๆ ในสมัยก่อนที่มีฝรั่งเข้ามานานแล้ว ซึ่งพวกเขาก็มากันอยู่ตลอด เขาไม่ได้รีบไปไหน คนที่มาเมืองปายส่วนใหญ่จะเข้าใจวิถีของเมืองปาย ที่เขาว่ากันว่า “เป็นเมืองสโลว์ไลฟ์” อย่างฝรั่งว่า ซึ่งนี่เป็นเสน่ห์สำคัญของเมืองปายที่ตนเข้าใจว่าทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา แม้จะไม่มีสนามบิน ตนก็เชื่อว่าถนนยังคงนำนักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองปายอย่างแน่นอน
ด้านนางอาภรณ์ แสงโชติ หรือที่ชาวปายรู้จักกันดีในนาม “ป้าแหลง” นักธุรกิจและนักกิจกรรมเพื่อสังคมในท้องถิ่น ในฐานะประธานสภาวัฒนธรรม อ.ปาย ได้แสดงความเห็นในเรื่องของการปรับปรุงและขยายสนามบินปายว่า ป้ารู้สึกเป็นกังวล ขอแสดงความห่วงใยไว้ตรงนี้ด้วย เพราะป้าเป็นคนพื้นที่อยู่ตรงนี้มานาน มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของปายมาโดยตลอด
“ส่วนของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชุมชน ป้าคิดว่าหลายๆ คนคงมองเห็นอย่างชัดเจน ส่วนตัวป้ามองเห็นผลกระทบในเชิงวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนมาจากความเปลี่ยนแปลงของเมืองที่มาพร้อมกับคำว่าความเจริญ”
ป้าแหลงบอกอีกว่า ต้องยอมรับความจริงกันว่าปายเปลี่ยนแปลงมาไม่ใช่น้อย “ปายเปลี่ยนไป ใครเปลี่ยนปาย” เป็นคำพูดที่ได้ยินเสมอ หลายๆ คนมาแล้วก็จากไป อยากให้มองกันแบบจริงใจ เข้าใจในท้องถิ่นว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบอะไรบ้าง
ในเมืองทุกวันนี้ค่อนข้างวุ่นวายไม่สงบ กลางค่ำกลางคืนรู้สึกไม่ปลอดภัย ตื่นไปตลาดกันแต่เช้าตีสามตีสี่ก็เจอฝรั่งเมาโวยวาย ตามหน้าเซเว่นฯ ก็มีฝรั่งนั่งชุมนุมกื่มเหล้า ผับบาร์ก็มีเกิดขึ้นมากมาย บ้างส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน บางครั้งถึงกับมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน
“ภาพเมืองปายเก่าๆ เริ่มจางหายไป มีกิจกรรมกิจการต่างๆ เพื่อนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวอย่างไม่เหมาะสมในพื้นที่ บางครั้งรู้สึกเหมือนเราจะกลายเป็นอย่างพัทยาหรืออย่างไร? ทุกวันนี้ก็เหลือจะทำใจกันอยู่แล้ว ถ้ามีการขยายสนามบินนำพาความเจริญเข้ามามากขึ้น อยากจะถามว่าเราจะดูแลกันไหวหรือ? ใครจะรับผิดชอบ.. และความเจริญที่เข้ามาจะนำพาเม็ดเงินเข้าสู่มือใคร...”
นางอาภรณ์ยังได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้เราอยู่กันแบบนี้ก็ค่อนข้างพอใจแล้ว แต่ก็อยากจะให้รัฐตอบสนองในด้านสาธารณูปโภค สาธารณสุข และการศึกษาให้ดีขึ้นมากกว่าที่จะมองเห็นแต่เม็ดเงินจากการท่องเที่ยว พวกเราอยู่กันแบบพอเพียงได้ ไม่ต้องเร่งเติบใหญ่กันไปให้มากมาย
ป้าแหลงย้ำว่า อยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับฟังเสียงของคนปาย มานั่งรับฟังปัญหาจากชาวบ้านโดยตรง และอยากจะให้มีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องที่จะขยายสนามบิน ให้ฝ่ายต่างๆ นำข้อมูลออกมานำเสนอว่ามีข้อดีอย่างไร มีข้อเสียอย่างไร ทำประชาพิจารณ์กันอย่างโปร่งใส เชิญชาวปายทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมรับฟัง และแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง เพื่อประกอบการตัดสินใจ และอยากให้รับฟังเสียงจากเจ้าของบ้านกันบ้าง
ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับปรุงและขยายท่าอากาศยานปาย หรือสนามบินปายนั้น ยังไม่ได้มีข้อมูลเปิดเผยกันไปในวงกว้างเท่าใดนักว่าขอบเขตของการขยายจะกินพื้นที่ไปถึงที่ใดบ้าง ชุมชนไหนต้องย้าย ชุมชนไหนจะได้รับผลกระทบ วัดต่างๆ และโรงพยาบาลจะต้องพบอะไรบ้าง เป็นคำถามที่ชาวปายยังคงรอฟังคำตอบ อยากจะรู้รายละเอียดต่างๆ ว่าข่าวที่ได้รับฟังมามีความจริงเป็นเช่นใด