ศูนย์ข่าวศรีราชา- ลูกค้าห้องชุดคอนโดฯ “เซนทารา แกรนด์ เรสซิเดนซ์” กว่าร้อยรายร้องสื่อ หลังโครงการหยุดก่อสร้างค่าเสียหายหลายร้อยล้านบาท พบเป็นเครือเดียวกับผู้บริหารทิวลิป กรุ๊บ กับโครงการคอนโดมิเนียมวอร์เตอร์ฟรอนท์ ที่แหลมบาลีฮายพัทยา
ที่โครงการ เซนทารา แกรนด์ เรสซิเดนซ์ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้มีลูกค้าของโครงการคอนโดมิเนียมรวมตัวเข้าร้องเรียนสื่อมวลชน ว่า หลังจากที่ได้ซื้อห้องชุดที่โครงการดังกล่าว แต่จนถึงปัจจุบันทางโครงการไม่ยอมก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างประเทศกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายรวมหลายร้อยล้านบาท จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูรายละเอียดของปัญหาความเดือดร้อน และอยากให้ทางโครงการคืนเงินแก่ผู้เช่าซื้อด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้เสียหายได้ร้องเรียนผ่านไปยังหลายหน่วยงาน จนถึงขั้นฟ้องร้องคดีต่อศาลจนมีคำสั่งให้ทำสัญญาข้อตกลง ให้ทางโครงการคืนเงินจองเงินทำสัญญา และเงินค่างวด แต่เมื่อถึงวันนัดหมายทางโครงการกลับนิ่งเฉย กลุ่มลูกค้าจึงได้แจ้งไปยังกรมบังคับคดี เพื่ออายัดทรัพย์สิน แต่ต่อมาทราบว่า โครงการได้ยื่นคำร้องขอกับศาลล้มละลายกลางในความล้มละลาย เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ ตามหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 911 ล้านบาท
ปัจจุบัน ศาลได้รับคำร้องไปแล้ว และจะนัดไต่สวนกันภายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยหากสุดท้ายเกิดมีผลให้โครงการได้ดำเนินการตามร้องหนี้สินทั้งหมดที่ผู้เสียหายเรียกคืนก็คงต้องรอระยะเวลาต่อไป เพื่อให้ทางโครงการเดินหน้าก่อสร้างต่อ ซึ่งก็อาจจะใช้เวลา 5-10 ปี และก็ไม่ทราบได้ว่าจะก่อสร้างจริงหรือไม่
นายไพโรจน์ สุเมธนภิส อายุ 46 ปี 1 ในผู้เสียหายกล่าวว่า ซื้อโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปลายปี 2556 ด้วยเห็นว่าโครงการใช้ชื่อของ “เซนทารา” จึงมีความเชื่อใจ และได้ติดต่อจองห้องทันทีในราคา 5 ล้านบาท โดยชำระเงินต้นกับโครงการจนหมด จากนั้นก็เฝ้าติดตามโครงการตลอดเวลา แต่ต่อมาก็พบว่าโครงการก็หยุดก่อสร้างโดยไม่ทราบเหตุผล เมื่อสอบถามดูก็ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์
กระทั่งปี 58 ทางโครงการก็หยุดก่อสร้างสิ้นเชิง จึงได้ตัดสินใจเข้าร้องเรียน สคบ.จนมีการไกล่เกลี่ยโดยทางโครงการได้ส่งทนายมาเจรจาสรุปคือ จะคืนเงินต้นที่จ่ายไปโดยให้เวลา 3 เดือน แต่เมื่อครบกำหนดก็ไม่ได้รับรับเงินตามที่ตกลง ได้รับคำตอบเพียงว่า ให้ไปดำเนินการฟ้องศาลเอง จึงดำเนินการตามขั้นตอนกระทั่งศาลได้ให้ทางโครงการทำสัญญาข้อตกลงคืนเงินทั้งหมดในเวลา 3เดือน แต่เมื่อถึงกำหนดก็เกิดการบ่ายเบี่ยงอีก
ขณะที่ นายอัครพันธ์ จันทร์เอี่ยม อายุ 37 ปี เผยว่า สนใจโครงการนี้เพราะเป็นโครงการที่ใหญ่เชื่อถือได้เนื่องจากมีดาราชื่อดังอย่าง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นพรีเซนเตอร์ จึงได้มาดูแล้วตัดสินใจจองโดยซื้อโครงการดังกล่าว จำนวน 11 ล้านกว่าบาท แต่เมื่อทำสัญญาแล้วจึงมารู้ว่าเป็นของโครงการทิวลิป ที่เข้ามาดำเนินการแต่ก็ผ่อนยอดตามปกติจนมาพบว่าเริ่มหยุดการก่อสร้างจึงเดินเรื่องฟ้องร้อง
แต่เมื่อถึงที่สิ้นสุดก็ไม่มีการใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ให้ไปแต่อย่างใด จนมีการยื่นเรื่องขอฟื้นฟูกิจการซึ่งมองแล้วเหมือนทางโครงการจะซื้อเวลาในการรับผิดชอบต่อลูกค้า จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวลงมาตรวจสอบดูว่าโครงการนี้มีความไม่ชอบมาพากลอย่างไร เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมากความเสียหายรวมกว่าหลายร้อยล้านบาท
สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นโครงการคอนโดมิเนียมชื่อ “เซนทารา แกรนด์ เรสซิเดนซ์” ซึ่งใช้ชื่อ บริษัท บาซีส ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50,000,000 บาท มีผู้ถือหุ้น คือ บ.กัลฟ์ ดีเวลล็อปเม้นท์ ไทยแลนด์ บีวี นายอดิศักดิ์ นฤเปรมปรีด์ บริษัท สัตหีบ เรียลตี้ จำกัด และ บริษัท ทิวลิป พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด โดยในส่วนของ บริษัท ทิวลิป นั้นเป็นบริษัทเดียวกับที่ก่อสร้างโครงการวอร์เตอร์ฟรอนท์ บริเวณแหลมบาลีฮาย ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการถูกระงับการก่อสร้างจากเมืองพัทยา
โครงการ เซนทารา แกรนด์ เรสซิเดนซ์ ได้ประกอบกิจการขายห้องชุด และประกอบกิจการโรงแรม ริมหาดจอมเทียน เนื้อที่ 18.8125 ไร่ ประกอบด้วย อาคารชุด 2 อาคาร จำนวน 351 ห้อง และ 1 อาคารจะทำเป็นโรงแรม โดยหลังจากก่อสร้าง และเปิดการจองแล้วนั้นมีลูกค้าผู้เสียหายมาซื้อห้องแต่กลับไม่มีการก่อสร้างตามที่กำหนด จึงได้ทำการฟ้องร้องตามขั้นตอนเพื่อขอเงินที่จ่ายไปคืนแต่กลับไม่ได้เงิน
เมื่อศาลได้ทำสัญญาให้คืนเงินกับลูกค้า โครงการดังกล่าวกับนำที่ไปจำนองกับ กัลฟ์ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับผู้ถือหุ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาร้องเรียนวันนี้เพื่ออยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลโครงการดังกล่าว และคืนเงินแก่ลูกค้าที่จ่ายเงินเพราะได้รับความเสียหาย
