ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่เริ่มเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองระดับพื้นที่ครั้งแรกจากทั้งหมด 6 ครั้ง เปิดแสดงความคิดเสนอแนะเต็มที่ใน 10 ประเด็นที่กำหนด เพื่อรวบรวมวางแนวทางขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้า
วันนี้ (1 มี.ค. 60) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองระดับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
การจัดเวทีในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 จากทั้งหมดที่จะจัดขึ้น 6 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 1 มี.ค. 60, วันที่ 3 มี.ค. 60, วันที่ 8 มี.ค. 60, วันที่ 10 มี.ค. 60, วันที่ 15 มี.ค. 60 และวันที่ 17 มี.ค. 60 ซึ่งผู้เข้าร่วมเวทีในครั้งแรกนี้มีทั้งตัวแทนข้าราชการ, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน, พนักงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ประมาณ 50 คน
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวนี้เพื่อระดมและรวบรวมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางการสร้างความสามัคคีปรองดองและขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไป ซึ่งในเวทีทั้ง 6 ครั้ง จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างเต็มที่ ในประเด็นหัวข้อที่มีการกำหนดไว้ 10 เรื่อง เพื่อนำไปสู่การทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาชาติ ระยะ 20 ปีข้างหน้า โดยจะมีการรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดนำเสนอกองทัพภาคที่ 3 และ กอ.รมน.ส่วนกลางต่อไป เบื้องต้นพบว่าการจัดเวทีได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน
ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ เมฆขจร นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอแม่แตง และที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดเชียงใหม่ แสดงความเห็นว่า การจัดเวทีดังกล่าวนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างความปรองดอง ทั้งนี้มองว่าปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการจัดสรรผลประโยชน์ของชนชั้นนำที่ไม่ลงตัวและระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ซึ่งเชื่อว่าการจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเป็นอย่างแรก และเปิดโอกาสให้ชนชั้นรากหญ้ามีส่วนร่วมมากขึ้น
ด้าน นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ภาคเอกชนสนับสนุนให้มีการสร้างความปรองดองและขับเคลื่อนประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก เพราะหากเศรษฐกิจดีย่อมทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ส่วนข้อเสนอแนะของภาคเอกชนนั้น อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และมีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อให้การเมืองมีเสถียรภาพและสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
สำหรับการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองนั้น 10 ประเด็นในการรับฟังความคิดเห็น ได้แก่ ด้านการเมือง ด้านความเหลื่อมล้ำการครอบครองที่ดินทำกินของเกษตรกร และการบริหารจัดการน้ำ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา และสาธารณสุข ด้านสื่อสารมวลชน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการต่างประเทศ ด้านการป้องกันทุจริตคอร์รัปชัน ด้านการปฏิรูป และด้านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ขณะที่ผู้เข้าร่วมเวทีมีเป้าหมาย 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ได้แก่ กลุ่มสนับสนุนพรรคการเมือง กลุ่มทุนทางการเมือง กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มแกนนำมวลชนทางการเมือง เป็นต้น กลุ่มที่ 2 นักวิชาการ นักศึกษา สื่อมวลชน กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม (CSOs) กลุ่มที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง เป็นต้น
กลุ่มที่ 3 กลุ่มข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พนักงานรัฐวิสาหกิจ หอการค้าจังหวัด กลุ่มองค์กรที่ทำงานทั้งร่วมกันกับส่วนราชการ เป็นต้น กลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้นำชุมชน ผู้นำจิตวิญญาณ ชาวบ้านทั่วไป กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง กลุ่มคนในท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการของรัฐ และกลุ่มสาขาอาชีพ