อุบลราชธานี - ชาวอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี กว่า 100 คนเข้ากดดันการประชุมสภา อบต.คูเมือง หวั่นลักไก่นำเรื่องขออนุญาตสร้างอาคารคัดแยกขยะ และสร้างโรงไฟฟ้าขยะเข้าสู่วาระการประชุม พร้อมยื่นหนังสือไล่ปลัด อบต.ที่สนับสนุนให้สร้างโรงไฟฟ้าออกจากพื้นที่ในวันเดียวกัน
วันนี้ (28 ก.พ. 60) ตัวแทนชาวบ้านจาก 12 หมู่บ้านในเขตตำบลคูเมือง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จำนวนกว่า 100 คน รวมตัวที่หน้าที่ทำการ อบต.เพื่อรับฟังการประชุมสภา อบต.สมัยสามัญประจำปี 2560 เพื่อร่วมกันคัดค้านการขออนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าใช้ขยะเป็นพลังงานเชื้อเพลิงประมาณ เพราะหวั่นเกรงว่าการประชุมสภา อบต.คูเมืองอาจจะลักลอบบรรจุวาระการประชุมเรื่องการขออนุญาตสร้างอาคารใช้คัดแยกขยะ และอาคารโรงไฟฟ้าจากขยะขนาด 9.9 เมกะวัตต์ ของบริษัท กรีนเนอร์เวิรด์ จำกัด ซึ่งต้องการมาตั้งที่บ่อขยะของเทศบาลเมืองวารินชำราบ ที่บ้านดอนผอุง ต.คูเมือง อ.วารินชำราบ
แต่หลังมีชาวบ้านมารวมตัวคัดค้านที่บริเวณหน้าที่การ อบต.และเข้าร่วมรับฟังการประชุมสภาในวันนี้จำนวนมาก นายธวัชชัย มาลัย ปลัด อบต.และทำหน้าที่เลขานุการสภา อบต. จึงไม่นำวาระดังกล่าวเข้าสู่การประชุม ทำให้บรรยากาศก่อนการประชุมที่มีความตึงเครียดได้ลดระดับลง และได้ประชุมในวาระอื่นๆ แทน โดยตลอดเวลามีทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ประจำจังหวัดอุบลราชธานีเข้ามารักษาความสงบ
ภายหลังสภา อบต.คูเมืองสรุปวาระการประชุมในวันนี้ ชาวบ้านที่มาคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะได้พร้อมใจกันยื่นหนังสือต่อ นายทัศนัย วราพรม นายก อบต.คูเมือง ให้เสนอย้ายนายธวัชชัย มาลัย ปลัด อบต.คูเมือง ต่อคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 8/2560 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งชาวบ้านระบุว่านายธวัชชัยเป็นผู้ก่อให้เกิดความขัดแย้งในชุมชน เนื่องจากสนับสนุนให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะ
นายทัศนัย วราพรม นายก อบต.คูเมือง ได้รับหนังสือจากชาวบ้าน พร้อมรับปากจะรีบเสนอให้คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจารณาเสนอย้ายนายธวัชชัยออกจาก อบต.คูเมือง เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าใช้ขยะเป็นพลังงานเชื้อเพลิง
ด้านนายเพชรัตน์ สีดารักษ์ กำนันตำบลคูเมือง กล่าวว่า นอกจากชาวบ้านพร้อมใจยื่นหนังสือให้ย้ายนายธวัชชัยแล้ว ยังเรียกร้องให้ อบต.ประสานงานกับเทศบาลเมืองวารินชำราบเพื่อเข้าดูรายได้การจัดเก็บค่าขยะในแต่ละเดือนของเทศบาล เพราะหากนำขยะจากที่อื่น นอกเหนือจากของอำเภอวารินชำราบเข้ามาทิ้งที่บ่อขยะ อบต.คูเมือง จะก่อให้เกิดรายได้แก่เทศบาลเมืองวารินชำราบ ซึ่งไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาษีบำรุงท้องที่ ในกรณีเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ได้หวังผลกำไร
โดยตลอดเวลาเกือบ 10 ปีที่มีการนำขยะมาทิ้งในตำบลคูเมือง อบต.คูเมืองไม่เคยเรียกเก็บภาษีในส่วนนี้มาก่อนเลย แต่ระยะหลังทราบว่าเทศบาลเมืองวารินชำราบ นอกจากนำขยะในเขตเทศบาลวารินชำราบมาทิ้งแล้ว ยังรับขยะจากพื้นที่อื่นใกล้เคียงเข้ามาด้วย ซึ่งก่อให้เกิดรายได้แก่เทศบาลวารินชำราบ ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเงินมาใช้พัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตให้แก่ชาวบ้านที่ต้องทนทุกข์อยู่กับขยะมานานด้วย
สำหรับสาเหตุที่ชาวบ้านไม่ต้องการให้มีโรงไฟฟ้าใช้ขยะเป็นพลังงานเชื้อเพลิง เพราะการตั้งโรงไฟฟ้านี้ไม่ใช่มาแก้ปัญหาเรื่องขยะที่มีอยู่เป็นหมื่นๆ ตันในขณะนี้ แต่จะนำขยะจากนอกพื้นที่เข้ามามากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีขยะทั่วไปและขยะติดเชื้อถูกลำเลียงมาทิ้งที่บ่อขยะตำบลคูเมืองเฉลี่ยวันละ 50-60 ตัน แต่เมื่อมีการตั้งโรงไฟฟ้า ต้องใช้ขยะเป็นพลังงานเชื้อเพลิงมากขึ้นถึง 150 ตันต่อวัน จึงต้องนำขยะเข้ามาเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีก ชาวบ้านจึงออกมาต่อต้านดังกล่าว