บุรีรัมย์ - จังหวัดบุรีรัมย์จับมือท่องเที่ยวและหอการค้าจัดมหกรรมจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ (ปั่นปราสาทสองยุค) เพื่อส่งเสริมให้บุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬามาตรฐานโลก ทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ คาดมีผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 2 พันคน เงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายดำรงชัย เนรมิตตพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด, พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด, นางเสียงรัตน์ กีรติมาศ ประธานหอการค้าจังหวัด และนายศักดิ์สิทธิ์ ประหยัดรัตน์ กรรมการผู้จัดการ Buriram Bike Festival ร่วมกันแถลงข่าวจัดมหกรรมจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ Buriram Bike Festival 2017 (ปั่นปราสาทสองยุค)
ซึ่งทางจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม 2560 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬามาตรฐานโลก ทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองปราสาทสองยุค คือ ปราสาทหินพนมรุ้ง แหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณ และปราสาทสายฟ้า สโมสรฟุตบอล และสนามแข่งรถมาตรฐานระดับโลก ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีการจัดแข่งขัน 2 ประเภท
คือ ประเภทพนมรุ้งคลาสสิก ระยะทาง 140 กิโลเมตร จากสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ไปพนมรุ้ง และวนกลับ และประเภทเซอร์กิตไรด์ ระยะทาง 45.54 กิโลเมตร ปั่นในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำนวน 10 รอบ
ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมแข่งขันได้ทาง www.event.thaimtb.com หรือ facebook.com/burirambikedest2017 และสมัครด้วยตนเองผ่านทางชมรมจักรยานจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้ท่านที่ประสงค์สมัครร่วมการแข่งขันบริเวณหน้างานสามารถสมัครได้แต่จะไม่ได้รับเสื้อที่ระลึก
นายดำรงชัย เนรมิตตพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดมหกรรมปั่นจักรยานปราสาทสองยุคในครั้งนี้เป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสู่เมืองกีฬามาตรฐานโลก ทั้งกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองปราสาทสองยุคให้เป็นที่รู้จัก และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มมากขึ้นด้วย
“คาดว่าการจัดมหกรรมจักรยานครั้งนี้จะมีชมรมจักรยาน ผู้ชื่นชอบการปั่น และประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดสมัครเข้าร่วมแข่งขันไม่น้อยกว่า 2,000 คน ทั้งคาดจะมีเงินสะพัดมากกว่า 100 ล้านบาท”