ลำปาง - โจรแสบลำปางอาละวาดหนัก เดือนนี้ก่อเหตุเป็น 10 ครั้งแล้ว ล่าสุดตัดตะแกรงเหล็กร้านสินค้าเบ็ดเตล็ด กวาดเงินสดไปเกลี้ยงร้าน ไม่เว้นแม่แต่เงินบริจาคติดต้นผ้าป่า ยันเหรียญสลึง-เหรียญห้าสิบสตางค์
วันนี้ (27 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง ได้เดินทางไปที่ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด 20 บาท ริมถนนพหลโยธิน ลำปาง-งาว บ้านต้นยาง หมู่ 4 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง หลังได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายตัดตาข่ายข้างร้านเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในร้านไปหลายรายงาน
เมื่อไปถึงพบ น.ส.ปิยะธิดา หล้าคำเปียง อายุ 35 ปี เจ้าของร้านยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ พร้อมนำเจ้าหน้าที่ดูร่องรอยคนร้ายที่ใช้คีมตัดเหล็ก ตัดตาข่ายข้างร้านเข้าไปรื้อค้นเอาทรัพย์สินภายในร้าน ประกอบด้วย ธนบัตรฉบับละ 100, 50 และ 20 ที่ประดับอยู่บนต้นผ้าป่า รวมแล้วจำนวนเงินประมาณ 1,000 บาท นอกจากนี้ยังกวาดเอาเงินเหรียญสลึง และเหรียญห้าสิบสตางค์ที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะไปด้วย
จากการตรวจภายในร้านพบว่าคนร้ายยังรื้อค้นโต๊ะลิ้นชักซึ่งเป็นโต๊ะบัญชีกระจุยกระจาย ก่อนขโมยไปแต่เงินโดยไม่สนใจทรัพย์สินอื่นๆ ที่อยู่ในร้านแต่อย่างใด และจากภาพกล้องวงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่ภายในร้านพบว่าคนร้ายได้ใช้ไม้ดันกล้องให้หันไปทางอื่น พร้อมเอาผ้ามาคลุมไว้เพื่อไม่ให้บันทึกภาพขณะลงมือก่อเหตุด้วย
น.ส.ปิยะธิดากล่าวว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านได้เตือนให้ระมัดระวังและปิดร้านให้ดี เนื่องจากที่ผ่านมามีคนร้ายพยายามเข้าไปงัดร้านค้าใกล้เคียงเพื่อลักทรัพย์มาแล้วหลายร้าน ซึ่งเจ้าของร้านมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทีหลังก็พบภาพคนร้ายกำลังจะตัดกุญแจแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือ เพราะหมาที่เลี้ยงไว้เห่าก่อนทำให้คนร้ายหลบหนีไป
น.ส.ปิยะธิดากล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านที่โดนคนร้ายพยายามเข้าไปลักทรัพย์มาก่อนหน้านี้ เห็นว่าไม่อะไรเสียหายจึงไม่ได้แจ้งความใดๆ เพียงแต่เตือนร้านต่างๆ ที่อยู่บริเวณโดยรอบไว้เท่านั้น
“ไม่คิดว่าร้านจะโดนเหมือนกัน เพราะที่ร้านเองไม่ได้เก็บทรัพย์สินมีค่าอะไรไว้ในร้าน ทุกวันหลังปิดร้านเวลา 18.00 น.ก็จะกลับบ้าน แล้วมาเปิดร้านอีกทีในช่วงสายของวันถัดไป แต่วันนี้เมื่อมาถึงร้านแล้วก็ตกใจ เพราะพบว่าตาข่ายเหล็กข้างร้านถูกตัด และเมื่อเข้าไปในร้านก็พบว่าร้านถูกรื้อค้นลักขโมยเอาทรัพย์สินเป็นเงินสดภายในร้านไปหมด”
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 60 นี้ พื้นที่ สภ.เมืองลำปาง เกิดเหตุคนร้ายอาละวาดลักทรัพย์ร้านค้าต่างๆ รวมถึงบ้านเรือนชาวบ้านแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง โดยคนร้ายจะขโมยเฉพาะเงินสด ไม่เอาทรัพย์สินอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป