เชียงราย - “น้องอามานี่” เด็กภูเก็ต วัย 11 ขวบ พร้อมพ่อ หอบผลงานภาพวาดของตัวเอง-รูปที่กำลังวาดใบใหญ่ให้ “อ.เฉลิมชัย” ดูถึงวัดร่องขุ่นอีกครั้ง จนศิลปินแห่งชาติถึงกับเอ่ยปากชมลูกศิษย์ตัวเล็กไม่หยุด บอกคิดใหญ่เหมือนตน ฝีมือสุดยอด ก่อนสอนวิธีแรเงา-ให้น้ำหนัก พร้อมขอเด็กไทยเอาอย่าง-อย่ามัวเล่นแต่เกม
วันนี้ (27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ช.วชิรวิทย์ สามารถ อายุ 11 ขวบ หรือน้องอามานี่ ชาว จ.ภูเก็ต ที่ได้รับการยกย่องจากอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างศิลปะที่วัดร่องขุ่น ว่ามีฝีมือด้านการวาดภาพได้อย่างสวยงาม พร้อมด้วยบิดา คือ นายมานะ สามารถ อายุ 44 ปี ได้เดินทางเข้าพบกับอาจารย์เฉลิมชัยอีกครั้ง เพื่อขอคำแนะนำเรื่องการวาดภาพใบใหญ่ใบหนึ่งที่น้องอามานี่วาดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และยังมีภาพลายไทยขนาดเล็กอื่นๆ อีกหลายภาพ บางภาพมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่สามารถนำภาพจริงมาให้ดูได้ จึงได้นำรูปภาพตั้งแต่ขั้นตอนการวาดและภาพที่วาดเสร็จมาให้ดูแทน
อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวว่า จากการดูผลงานของลูกศิษย์ตัวเล็กของตนในวันนี้ถือว่าสุดยอดมาก และบ่งบอกว่าตอนนี้เขาเก่งขึ้นมากแล้ว โดยเฉพาะภาพใบใหญ่ ใช้เวลาหลังเลิกโรงเรียนลงมือเขียนไม่ถึง 2 เดือน เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ น่าประทับใจมากที่เด็กอายุเพียงเท่านี้มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ และสุดยอดอย่างมาก
อาจารย์เฉลิมชัยบอกว่า น้องอามานี่ถือเป็นคนที่คิดการใหญ่ ถือเป็นคนที่จะเป็นอนาคตของชาติในอนาคต ลักษณะเหมือนกับตนเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก ตอนตนอายุเท่านี้ก็คิดการเหมือนน้องอามานี่ โดยคิดการใหญ่อยากเขียนภาพใบใหญ่ๆ ตนไม่คิดว่าในยุคนี้จะมีเด็กที่คิดการเหมือนตนเกิดขึ้นมาได้อีก
“ไม่คิดว่าจะมีเด็กอย่างนี้เกิดขึ้น สามารถคิดการใหญ่ มีความทุ่มเท ขนาดที่ผู้ใหญ่ยังทำไม่ได้แบบนี้เลย ผมภูมิใจมาก และบอกให้เขาคิดให้ใหญ่เกินตัวเข้าไว้ เพราะมนุษย์มีพลัง ไม่เกี่ยวกับขนาดตัว และวัย ถ้าใจใหญ่เสกอะไรก็ได้ อยากให้เด็กไทยมานะพากเพียร อย่าเอาแต่เล่นเกมสนุกสนานไม่ทุ่มเท อย่างน้องอามานี่เขาไม่ต้องเรียนศิลปะ ตอนนี้เรียนกับของจริง อนาคตค่อยไปเรียนมหาวิยาลัยศิลปากร คนคิดขนาดนี้ได้ โตแล้วจะคิดได้ขนาดไหน หากทำได้เรื่อยๆ ก็จะทำให้ชาติบ้านเมืองมีศิลปินที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในแผ่นดินต่อไป”
อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า จากการที่เอาภาพมากมายมาให้ดูก็พบว่าเด็กคนนี้มีพัฒนาการที่ก้าวล้ำมาก เขาเป็นคนทรงพลังมากอยู่แล้ว และมีอิสระทางความคิด รวมถึงเส้นภาพที่มีอิสระมาก ดังนั้นสิ่งที่จะต้องสอนกันต่อไปคือเรื่องของน้ำหนัก มิติของรูป หน้า-หลัง ไกล-ใกล้ ซึ่งเขายังขาดอยู่ และตนก็กำลังช่วยเรื่องแรเงาเพื่อให้มีการใช้น้ำหนักขึ้นได้
“เมื่อเขากลับไปแล้วได้ทำเรื่อยๆ คิดว่าดีขึ้น เพราะเขาโชคดีที่พ่อแม่สนใจพามาหาผมเรื่อยๆ โดยไม่ต้องบังคับ แต่มาจากหัวใจของเขาเอง เขาจึงเหมือนผมตอนเป็นเด็กมาก ผมจึงขอให้เขาได้พัฒนาการวาดภาพต่อไปอย่างไม่ทอดทิ้งเพื่อให้บ้านเมืองมีศิลปินที่ยิ่งใหญ่ โดยอาจจะยิ่งใหญ่กว่าผมเสียอีก”
ด้าน ด.ช.วชิรวิทย์กล่าวว่า ได้รับความรู้จากคำสอนของอาจารย์เฉลิมชัยมาก โดยเฉพาะเรื่องน้ำหนักของภาพ หรือการแรเงา เพื่อให้จุดไหนเป็นจุดเด่น จุดไหนเป็นจุดรองในภาพ สำหรับภาพที่เริ่มแรเงา เป็นภาพลายไทยที่ใช้เวลาวาดไม่ถึง 1 เดือน โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียนในการวาดเพื่อพัฒนาฝีมือต่อไป