อุดรธานี - สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 4.0 ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ย้ำทุกภาคส่วนต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำถึงจะได้แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ประชาชนจะมีกินมีใช้ ส่วนภาคเอกชนก็ต้องช่วยกันว่าควรจะสนับสนุนช่วยเหลือตรงไหน
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่โรงแรมแรมเซนทารา จังหวัดอุดรธานี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะร่วมประชุมมอบนโยบายและติดตามการดำเนินการตามแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 4.0 ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย และบึงกาฬ โดยมี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ให้การต้อนรับ และรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชุมชนหลักๆ ที่โดดเด่นที่ผลิตสินค้าโอทอปในแต่ละจังหวัดนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่เป็นระบบ ให้ทุกคนทุกภาคส่วนคิดว่าแต่ละชุมชนนี้ควรจะมีแนวทางที่เป็นระบบอย่างไร หากทำไม่ได้ก็ให้ขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ จากมหาวิทยาลัยมาช่วยคิดว่าจะทำยังไง แล้วเอางบประมาณที่ได้ไปพัฒนา เสร็จแล้วก็ร่วมกับการท่องเที่ยว และบริษัทนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวเข้ามา
เพราะฉะนั้นถ้าร่วมกันคิดก็จะรู้ว่าจะพัฒนาไปในแนวทางไหน ชาวบ้าน ประชาชนจะมีกินมีใช้ ส่วนภาคเอกชนก็ต้องช่วยกันว่าควรจะสนับสนุนช่วยเหลือตรงไหน
ด้าน นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า สำหรับปัญหาในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ที่รัฐบาลให้หลักเกณฑ์มาให้นั้น พบว่า ปัญหาโครงการส่วนใหญ่กว่าจะสรุปได้ก็มีเวลาเหลือน้อยแล้ว ข้อมูลต่างๆ ที่เรานำเสนอเราก็ได้ยกแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ขึ้นมาปรับปรุง บางครั้งอาจจะทำให้ข้อมูลเราไม่สมบูรณ์ โครงการที่ดีๆ ที่เราตั้งใจจะทำอาจจะไม่ได้รับการสนับสนุน
อีกส่วนหนึ่งก็คือ บางครั้งโครงการที่คิดว่าอยากจะได้ เราไม่มีกำลังในการสำรวจออกแบบ เครื่องมือต่างๆ ก็ยังไม่พร้อมที่จะสนับสนุน
เช่น เรื่องของเส้นทางการคมนาคมบางส่วน ไม่มีศักยภาพที่จะออกแบบได้ ที่สำคัญแนวทางโครงการขนาดใหญ่ สุดท้ายก็ไปติดตรงที่การเบิกจ่ายงบประมาณเหมือนเช่นเคย
ทั้งนี้ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ยังมีโครงการฯ ที่จะพัฒนาในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน คือ ถนนสายบึงกาฬ หนองคาย หมายเลข 212 ซึ่งเป็นแนวที่จะข้ามไปยังสะพานมิตรภาพ ซึ่งตอนนี้อยู่เหลือนระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 350 ล้านบาท หากจุดนี้เกิดขึ้นได้ก็จะสามารถช่วยของเรื่องการค้า การคมนาคมไปยังแหล่งท่องเที่ยวจะดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถลำเลียงพืชผลทางการเกษตร ข้ามผ่านแดนต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
อีกเส้นหนึ่งก็เป็นถนนเพื่อการท่องเที่ยว คือ ถนนเส้นทางเลียบแม่น้ำโขง จากเชียงคาน ไปปากชม สังคม ท่าบ่อ หนองคาย และเส้นทางหลวงสาย 210 จากอุดรฯ ไปหนองบัวลำภู เหลือหนองบัวลำภูไปยังจังหวัดเลย ยังเหลือประมาณอีก 30 กิโลเมตร
ซึ่งเส้นนี้จะเป็นประโยชน์สามารถเชื่อมโยงไปยังด่านท่าลี่จังหวัดเลย ไปยังเมืองแก่นท้าว ไปไชยบุรี และหลวงพระบางได้ หากเกิดขึ้นได้การเดินทางท่องเที่ยวก็จะสะดวกระหว่างแหล่งท่องเที่ยวที่จังหวัดเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังมอบนโยบายแล้วเสร็จ คณะยังจะได้เดินทางไปยังสนามทุ่งศรีเมือง เพื่อติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างสนับสนุนจุดขาย หรือ Land mark สถานที่ท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 พร้อมเยี่ยมชมงานมหกรรมผ้าทอมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง GMS FABRIC EXPO 2017 บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุดรธานี รวมถึงติดตามโครงการส่งเสริมการตลาด การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเกษตรของกลุ่มจังหวัด