ลำปาง - ขบวนการค้าช้างงัดสารพัดวิธีหวังตบตาเจ้าหน้าที่ลวงขอคืนช้างของกลางคดีสวมตั๋วรูปพรรณ “พังแม่มะลิ” ที่ตายไปแล้วคืนถึง 2 รอบทั้งที่คดีไม่สิ้นสุด ล่าสุดส่งคนพม่าอ้างเป็นเจ้าของ ก่อนใช้รถตำรวจนำหน้ารถบรรทุก พ่อค้าช้างอีสานติดต่อขอช้างคืนถึงศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
วันนี้ (21 ก.พ.) นายสัตวแพทย์ สิทธิเดช มหาสาวังกุล หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์และบริบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ หรือศูนย์อนุรักษ์ชางไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้นำผู้สื่อข่าวเข้าเยี่ยมช้างของกลางในคดีไม่มีตั๋วรูปพรรณ 2 เชือก คือ พังแม่มะลิ อายุ 30 ปี และลูกช้างพังญาญ่า อายุ 2 ปีเศษ ที่รับมอบจาก อ.แม่ระมาด จ.ตาก มาดูแลระหว่างคดีตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 59 ที่ผ่านมา โดยพบว่าช้างทั้งสองเชือกสุขภาพอ้วนท้วนสมบูรณ์แข็งแรงดี
แต่ระหว่างที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้นำช้างทั้ง 2 เชือกมาดูแล กลับพบว่ามีบุคคลอ้างตัวเองเป็นเจ้าของช้าง พร้อมทนายความ นำรถตราโล่ พร้อมรถบรรทุกมาขอช้างคืนแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ทางศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยไม่อนุญาตเนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด
นายสัตวแพทย์ สิทธิเดชระบุว่า การส่งช้างคืน โดยเฉพาะกรณีนี้จะมีวิธีปฏิบัติคือ ทางอำเภอแม่ระมาด เจ้าของเรื่องทำหนังสืออย่างเป็นทางการมายังศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ให้ส่งช้างของกลางคืน เมื่อทางศูนย์ฯ ได้รับหนังสือแล้วก็จะส่งช้างคืนไปยังอำเภอแม่ระมาด และทางอำเภอแม่ระมาดก็จะส่งคืนเจ้าของตามลำดับเท่านั้น หากกระทำนอกเหนือจากนี้ก็จะผิดกฎหมาย
ซึ่งกรณีช้างทั้ง 2 เชือกนี้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขุนพะวอ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ระมาด ได้ตรวจยึดไว้เมื่อ 14 มี.ค. 59 หลังจากที่นายดนัย พันธ์ปัญญากรกุล ชาวบ้าน ม.6 ต.พระธาตุ อ.แม่ระมาด จ.ตาก มาขอเปลี่ยนตั๋วรูปพรรณช้างใหม่ แต่จากการตรวจสอบรูปพรรณช้างเดิมคือ พังแม่มะลิ ปรากฏว่ามีตำหนิรูปพรรณไม่ตรงกับตั๋วรูปพรรณที่จะนำมาเปลี่ยน รวมทั้งมีการฝังไมโครชิปไว้ ขณะที่พังแม่มะลิที่เสียชีวิตไม่มีการฝังไมโครชิปแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนนายดนัย จึงยอมรับว่าพังแม่มะลิได้เสียชีวิตไปประมาณ 7-8 ปีแล้ว ต่อมาประมาณเดือน ก.พ. 59 นายวันชัย ไพรกล้าธรรม ได้มาติดต่อและขอตั๋วรูปพรรณพังแม่มะลิ โดยให้เงิน 20,000 บาท จากนั้นนายวันชัยได้ติดต่อให้นายณธสิษฐ์ วงศ์พนาสวรรค์ นำช้างดังกล่าวเข้ามาในหมู่บ้าน โดยให้นายหม่อส่วยจะ คนในหมู่บ้าน และเป็นลุงของนายวันชัย เป็นควาญดูแลช้าง ส่วนไมโครชิปนายดนัยระบุว่านายวันชัยได้นำมาให้ในวันที่มาขอเปลี่ยนตั๋วรูปพรรณที่อำเภอ
จากนั้นทางอำเภอแม่ระมาดจึงประสานให้อุทยานฯ ขุนพะวอยึดช้างทั้ง 2 เชือกไว้ และให้ สภ.แม่ระมาดแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้าย และโอนช้างตาม พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ. 2483 และประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ในข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในความครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง (ช้างป่า) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และมอบช้างของกลางให้ศูนย์อนุรักษ์ดูแลระหว่างคดีในวันที่ 25 มีนาคม 2559
ซึ่งในการดำเนินคดี นายป้อต้อ ชาวพม่าที่ครอบครองช้าง (ปัจจุบันหนีกลับพม่าไปแล้ว) ตาม พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ. 2483 ฐานนำสัตว์พาหนะ (ช้าง) จากประเทศพม่าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่จดทะเบียนตั๋วรูปพรรณตามกฎหมาย ศาลสั่งปรับเป็นเงิน 50 บาท ผู้ต้องหารับสารภาพ ลดเหลือ 25 บาท
แต่ข้อหาครอบครองสัตว์ป่า ทาง สภ.แม่ระมาดกลับระบุว่า ได้มีนายอูซายตี๋ฮะ ชาวพม่า อ้างตัวว่าตนเองเป็นเจ้าของช้าง เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.แม่ระมาด พร้อมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม และเอกสารการเช่าช้าง ระบุว่าได้ให้นายป้อต้อ ซึ่งเป็นญาติกัน และเป็นผู้ต้องหาในคดี เช่าช้างทั้งสองตัวไป ทั้งยังนำตั๋วรูปพรรณช้างของประเทศพม่า และหนังสือแจ้งความช้างหายของประเทศพม่ามายืนยันว่าช้างทั้งสองเชือกเป็นช้างบ้าน ไม่ใช่ช้างป่า
นายอูซายตี๋ฮะให้เหตุผลกับเจ้าหน้าที่ในขณะนั้นว่า ผู้เช่า (นายป้อต้อ) ซึ่งนำช้างมาชักลากไม้ตามชายแดนในเขตประเทศพม่า ลักลอบนำช้างเข้ามาในประเทศไทยเพื่อจำหน่าย จึงขอคืนช้างทั้งสองเชือกดังกล่าว ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ระมาด ได้ส่งเรื่องถึงอัยการว่า เมื่อช้างไม่ใช่สัตว์ป่า จึงไม่มีความผิด ดังนั้นมีความเห็นให้ส่งคืนของกลางแก่เจ้าของไป
อย่างไรก็ตามมีเงื่อนงำเกิดขึ้น เพราะในขณะที่อุทยานแห่งชาติขุนพะวอ และอำเภอแม่ระมาด กำลังตรวจสอบหลักฐานจนถึงขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ รวมทั้งได้มีหนังสือทักท้วงไปยัง สภ.แม่ระมาด ให้รอการตรวจสอบหลักฐานให้ชัดเจนก่อน เช่น
1. การตรวจสอบไมโครชิปที่ติดตัวช้างว่าเป็นไมโครชิปที่ออกโดยกรมปศุสัตว์จริงหรือไม่
2. เอกสารการตรวจสุขภาพช้างซึ่งออกโดยสัตวแพทย์เป็นเอกสารจริงหรือไม่
3. กระทรวงการต่างประเทศของประเทศพม่า ยังไม่ตอบกลับการตรวจสอบตั๋วรูปพรรณหรืออัตลักษณ์ของช้างเชือกดังกล่าวว่าเป็นช้างบ้านตามที่เจ้าของอ้างหรือไม่
แต่ปรากฏว่าทาง สภ.แม่ระมาดกลับมีหนังสืออ้างความเห็นของอัยการให้อำเภอฯ ส่งคืนของกลาง พร้อมกันนี้ยังพบว่ามีการวิ่งเต้นเพื่อให้คืนของกลางแก่เจ้าของ โดยมีผู้มาขอรับช้างคืนเองจากศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยแล้วถึง 2 ครั้ง และจากการตรวจสอบพบว่าการมาขอรับช้างคืนครั้งล่าสุดมีการนำรถของกองปราบปรามนำขบวน ตามด้วยรถบรรทุก ส่วนผู้ที่มารับช้างคืนนั้นกลับเป็นพ่อค้าช้างจากภาคอีสานด้วย