ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำแถลงจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ยึดของกลางยาบ้า 2 แสนเม็ด เฮโรอีน 2.8 กิโลกรัม พร้อมขยายผลยึดทรัพย์ทั้งบริษัท บ้าน ที่ดิน รถบรรทุก และทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท ขณะเดียวกันเร่งลากตัวผู้บังการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
วันนี้ (21 ก.พ. 60) ที่บริษัทกาญทวีทรัพย์ จำกัด เลขที่ 297 หมู่ 9 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (รอง ผบช.ภ.5) และนายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 5 รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการจับกุมกลุ่มลำเลียงยาเสพติดรายสำคัญ คือ นายวีรพงษ์ ใจคำ อายุ 38ปี ที่อยู่เลขที่ 366 ม.9 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด เฮโรอีน 4 ถุง น้ำหนัก 2.8 กิโลกรัม และของกลางรายการอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นเครือข่ายของนางพรรณี หรือเจ้แอ จอมคำ เจ้าของบริษัทกาญทวีทรัพย์ จำกัด
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่า นางพรรณี หรือเจ้แอ จอมคำ เจ้าของบริษัท กาญทวีทรัพย์ จำกัด ร่วมกับบุคคลในเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนด้านอำเภอฝาง และอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ด้วยการอำพรางมากับรถยนต์บรรทุกขนส่ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสอบสวนเบาะแสเรื่อยมาเป็นเวลาร่วมปี
เมื่อปี 2548 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวอดีตสามีของนางพรรณี พร้อมเครือข่าย ในข้อหาร่วมกันลำเลียงยาเสพติด และยึดทรัพย์สินส่วนหนึ่งของนางพรรณี แต่หลักฐานไม่เพียงพอที่จะจับกุมนางพรรณี ต่อมาเจ้าหน้าที่เชื่อว่านางพรรณีได้มีการสืบทอดธุรกิจมืด ลอบลำเลียงยาเสพติดของอดีตสามีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมลูกน้องของนางพรรณีที่มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางรถบรรทุกมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อมโยงมาถึงตัวนางพรรณีได้
กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 60 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มของนางพรรณีจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปกับรถบรรทุกหัวลาก 2 คัน โดยมีรถนำและสำรวจเส้นทางมา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการวางแผนเพื่อสะกดรอยตาม โดยพบว่ารถบรรทุกยี่ห้อวอลโว่ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 81-6045 เชียงราย มีนายเดชพงค์ หรือเอก จอมคำ เป็นคนขับ และมีนางพรรณี นั่งโดยสารมาด้วย ส่วนรถบรรทุกคันสีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 70-5840 เชียงใหม่ มี นายวิรัตน์ แสนออน เป็นคนขับและมี น.ส.ชิดชนก ใจทะนัน โดยสารมา
ต่อมารถยนต์บรรทุกทั้งสองคันได้ขับเข้าไปจอดในโกดังร้านวัสดุก่อสร้างในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน นานผิดปกติ และต่อมาได้ติดต่อขอซื้อปูนซีเมนต์ ก่อนจะไปบรรทุกปูนซีเมนต์ได้ยกกระสอบจำนวน 2 ใบลงจากรถวางไว้บริเวณข้างกองเหล็กในบริเวณใกล้โกดังดังกล่าว แล้วได้บรรทุกปูนซีเมนต์ออกจากโกดังสินค้าดังกล่าวไป เชื่อว่าคนร้ายไหวตัวทันรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่ติดตามสะกดรอย จึงได้มีการอำพรางนำยาเสพติดออกจากรถแล้วแกล้งทำเป็นติดต่อซื้อปูนจำนวน 2 แสนบาท
จากนั้นต่อมาเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 60 พนักงานโกดังพบว่ากระสอบทั้ง 2 ใบที่เอาลงจากรถยนต์บรรทุกดังกล่าวยังอยู่ที่เดิม และเมื่อเข้าไปทำการตรวจสอบพบว่ามียาบ้าประมาณ 200,000 เม็ด และเฮโรอีน 4 ถุง น้ำหนักประมาณ 2.8 กิโลกรัม บรรจุอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด
กระทั่งต่อมา ในวันที่ 19 ก.พ. 60 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และต่อมาศาลจังหวัดลำพูนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน คือ นางพรรณี หรือแอ จอมคำ, นายเดชพงษ์ จอมคำ, นายวิรัตน์ แสนออน, น.ส.ชิดชนก ใจทะนัน และนายวีรพงษ์ หรือตั้ม ใจคำ ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าและเฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ขณะที่ต่อมาในวันที่ 20-21 ก.พ. 60 ตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมกลุ่มเครือข่ายนางพรรณี ซึ่งขณะนั้นได้ควบคุมตัว นายวีรพงษ์ หรือตั้ม ใจคำ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ ส่วนอีก 4 คนได้หลบหนีไป
พร้อมทั้งได้ดำเนินการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ประกอบด้วย ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบริษัทกาญทวีทรัพย์ เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท, รถบรรทุกพ่วง จำนวน 10 คัน มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท, รถยนต์ตู้ 2 คัน รถยนต์เก๋ง 3 คัน มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท, รถยนต์กระบะ 2 คัน รถไถ 3 คัน มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท
บ้านพักรีสอร์ตและสวนลิ้นจี่ 100 ไร่ อาคารที่พัก 5 หลัง โรงเรียน 1 หลัง ประมาณ 20 ล้านบาท, ท่าทรายพร้อมสิ่งปลูกสร้างเนื้อที่ 19 ไร่ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท, ที่ดินจำนวน 23 ไร่ ปลูกสวนมะนาว ในอำเภอแม่อาย มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท, บ้านพร้อมที่ดิน หมู่บ้านศิริพรการ์เด้นโฮม อำเภอดอยสะเก็ด 1 หลัง มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท, บ้านพร้อมที่ดิน หมู่บ้าน พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟกต์ ที่กรุงเทพฯ มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท, ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (ของนายวิรัตน์ ผู้ต้องหา) มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท
นอกจากนี้ หลังการตรวจยึดทรัพย์สินของกลางทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่จะได้บูรณาการเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนี รวมทั้งสืบสวนสอบสวนหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่านางพรรณีจะเป็นผู้บงการใหญ่ที่สุดของขบวนการ และอาจมีผู้มีส่วนรู้เห็นอีกจำนวนมาก เพื่อขยายผลติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป