ศรีสะเกษ- สุดอนาถ ยาย 78 ปี ขาขาดมือกุด 2 ข้าง เลี้ยงหลานสาว 10 ขวบ ต้องอาศัยเงินเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 700 บาทซื้ออาหารกินประทังชีวิตให้รอดไปวันๆ ขณะที่หลานสาววอนให้แม่ที่ไปทำงานมีสามีใหม่ที่กรุงเทพฯกลับมาหาด้วย
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้( 21 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 2 บ้านโพนเขวา ต.โพนเขวา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย น.ส.จันที สมนา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ศรีสะเกษ และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยม คุณยายกิ่งแก้ว อุ่นหล้า อายุ 78 ปี และ ดญ.พรทิพย์ วันทะวี หรือน้องจักจั่น อายุ 10 ขวบ น.ร.ชั้น ป.4 ร.ร.บ้านหนองแวงโพนเขวา ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังกล่าว
สภาพบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวมุงหลังคาสังกะสี ใช้ไม้ทำเป็นฝากั้นรอบบ้านค่อนข้างเก่ามาก ภายในบ้านเป็นที่ทำครัวมีเครื่องใช้และที่นอนกองรวมกันอยู่ โดยสภาพร่างกายของคุณยายกิ่งแก้ว ขาข้างซ้ายขาดบริเวณหน้าแข้ง มือทั้ง 2 ข้างกุดหงิกงอ ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เวลาจะไปไหนจะต้องใช้เครื่องช่วยเดินและรถเข็น ซึ่งเป็นภาระของน้องจักจั่นหลานสาวตัวเล็กที่จะต้องดูแลยาย และเมื่อไปเรียนหนังสือต้องปล่อยให้ยายอยู่บ้านตามลำพัง และบ่อยครั้งที่น้องจักจั่นต้องขาดเรียนเพื่อคอยดูแลยายที่เจ็บป่วย
ทั้งนี้ ดร.กัลยาณี ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 2,000 บาท พร้อมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนหนึ่งเป็นการช่วยเหลือคุณยายกิ่งแก้วและหลานสาว
คุณยายกิ่งแก้ว อุ่นหล้า อายุ 78 ปี เล่าว่า ตนเลี้ยงน้องจั๊กจั่นมาตั้งแต่คลอดออกจากท้องแม่คือ นางบัวรินทร์ วงศ์ละคร ซึ่งเป็นลูกสาวของตนเอง จากนั้น นางบัวรินทร์ แยกทางกับพ่อของน้องจั๊กจั่น ได้เดินทางไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และได้มีครอบครัวใหม่เป็นชาวลาว มีอาชีพรับจ้างตอกเสาเข็ม ตนเลี้ยงหลานมาตามลำพังเนื่องจาก สามีของตนเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2527 ซึ่งนาน ๆ ครั้งนางบัวรินทร์ จึงจะกลับมาเยี่ยมบ้าน
ล่าสุดกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยมาพร้อมกับลูกและสามีใหม่ และก่อนกลับไปกรุงเทพฯได้ให้เงินไว้ 400 บาท จากนั้นก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย ตนป่วยเป็นโรคไต โรคกระเพาะอาหาร โรคความดันและโรคเรื้อน
การเป็นโรคเรื้อนทำให้มือทั้ง 2 ข้างกุด ส่วนขาข้างซ้ายตนไปพลาดโดนสังกะสีบาดทำให้เป็นโรคบาดทะยัก และลุกลามไปทำให้ต้องตัดขาทิ้งไปเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ทำให้ตนไม่สามารถที่จะทำมาหากินได้ตามปกติ
ขณะนี้ได้อาศัยเงินเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท และเงินเบี้ยยังชีพผู้พิการเดือนละ 800 บาท รวมแล้วเดือนละ 1,500 บาท จาก อบต.โพนเขวามาใช้ซื้ออาหารกินประทังชีวิต และให้น้องจักจั่นไปซื้ออาหารกินระหว่างเรียนหนังสือที่โรงเรียนวันละ 20 บาท ซึ่งน้องจักจั่นช้ำเงินอย่างประหยัดมาก เพราะเห็นว่า ยายพิการและแก่มากแล้ว จึงใช้เงินอย่างประหยัดมาก ทำให้น้องจักจั่นผอมมากและขาดสารอาหาร เนื่องจากว่าต้องรับภาระในการดูแลยาย
ด.ญ.พรทิพย์ วันทะวี หรือน้องจักจั่น อายุ 10 ขวบ น.ร.ชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านหนองแวงโพนเขวา กล่าวว่า ในชีวิตของตนมีเพียงยายเท่านั้นที่คอยดูแล เนื่องจากว่า แม่ทิ้งไปตั้งแต่คลอด นานๆ จึงจะมาเยี่ยมตนกับยาย ตนคิดถึงแม่มาก อยากให้แม่กลับมาอยู่ด้วย อยากให้แม่โอบกอดตนเหมือนกับที่แม่กอดลูกที่เกิดกับพ่อใหม่ ซึ่งตนไม่รู้ว่าต่อไปในอนาคตหากยายเป็นอะไรไปแล้วตนจะอยู่กับใคร ตนจะดูแลยายให้ดีที่สุด
ขณะนี้ยายก็ป่วยหลายโรคแต่ไม่มีเงินไปหาหมอ และการเดินทางก็ลำบากมาก เพราะว่าต้องจ้างรถไปที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ขณะนี้ตนอยากได้รถจักรยาน 2 ล้อ เพื่อที่จะได้ใช้เวลาไปหาซื้ออาหารมาให้ยายและใช้ในการเดินทางไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน
ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนทราบข่าวครอบครัวนี้ว่ามีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากมาก ดังนั้น จึงได้มาเยี่ยมพร้อมทั้งมอบเงินและสิ่งของเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น และจะได้ประสานงานไปยังเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อจะได้ช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของมาให้การช่วยเหลือครอบครัวนี้ต่อไป
น.ส.จันที สมนา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มอบเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวให้แก่น้องจั๊กจั่น เบื้องต้นจำนวน 2,000 บาท ส่วนในการช่วยเหลือระยะยาวนั้น ตนจะช่วยแบบครอบครัวระยะยาวเดือนละ 2,000 บาท จนอายุของน้องจักจั่นอายุครบ 18 ปี เริ่มจ่ายเงินให้ตั้งแต่เดือน มี.ค. 60 เป็นต้นไป และจะมีการติดตามว่า หากยายเป็นอะไรไปเลี้ยงดูเด็กไม่ได้ ตนก็จะรับน้องจักจั่นไปดูแลต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากผู้มีจิตศรัทธาท่านใดมีความประสงค์จะให้การช่วยเหลือครอบครัวที่น่าสงสารนี้ ขอเชิญบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ น.ส.กิ่งแก้ว อุ่นหล้า บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก ธนาคารออมสิน สาขาศรีสะเกษ เลขที่บัญชี 020197102823 โทร. 085-0242245