ฉะเชิงเทรา - ตร.เมืองแปดริ้ว ใช้เวลา 11 ชม. ไล่ล่า และกดดันคนร้ายก่อเหตุชิงทองจากร้านค้าทอง ซึ่งเป็นญาตินายตำรวจระดับสารวัตรบางคล้า อ้างก่อเหตุเป็นครั้งแรก ขณะที่ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เผยครอบครัวผู้ต้องหามีฐานะดี แต่ใช้เงินเกินตัวจนญาติระอา
เมื่อเวลา 11.25 น.วันนี้ (19 ก.พ.) พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) และกำลังฝ่ายสืบสวนจากกองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา นำโดย พ.ต.ท.สมมิตร พรมตอง สารวัตรงานสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รวมกว่า 30 นาย ได้นำตัว นายสุภกร หรือปาล์ม ตันจินซุย อายุ 26 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จากร้านทองแม่ประภัสสร เยาวราช ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ใช้รถจักยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำแดงหมายเลขทะเบียน ขงน-638 ฉะเชิงเทรา เป็นพาหนะในการก่อเหตุ
โดยได้นำตัวไปยังร้านทองแม่กี่ (หลาน) ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 2 ของห้างสรรพสินค้าตะวันออกคอมเพล็กซ์ ที่ผู้ต้องหานำทองคำหนัก 1 บาท ที่ชิงไปเปลี่ยนเป็นสร้อยข้อมือน้ำหนัก 1 สลึง เพื่อนำไปเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่แฟนสาว
ทั้งนี้ นายสุภกร รับสารภาพว่า เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบจึงตัดสินใจก่อเหตุ เพียงเพื่อต้องการให้เป็นของขวัญวันเกิดแฟนสาวที่เพิ่งคบหากันมาได้ไม่นาน โดยอ้างว่า เพิ่งทำเป็นครั้งแรก และเข็ดหลาบไม่ทำอีกแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ครอบครัวของผู้ต้องหามีฐานะดี และมีอาชีพขายมะพร้าวน้ำหอม หน้าวัดสมานรัตนาราม แต่ผู้ต้องหาเป็นคนใช้เงินเก่ง และล่าสุด เพิ่งขอเงินจากครอบครัวไปเที่ยวเตร่ตามแหล่งสถานบันเทิงใน จ.ชลบุรี นับแสนบาท จน ครอบครัวไม่ได้ให้เงินใช้ตามใจชอบอีก ทำให้ผู้ต้องหาตัดสินใจลงมือก่อเหตุ หลังจับกุมได้ตั้งข้อกล่าวหา “วิ่งราวทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการก่อเหตุ”
สำหรับการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหานั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ภาพของคนร้ายจากกล้องวงจรปิดภายในร้านที่เห็นใบหน้า ตำหนิรูปพรรณ และพาหนะที่ใช้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ส่วนรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นของ นายบุญนาค ตันจินซุย ซึ่งเป็นบิดา เจ้าหน้าที่ติดตามไปจนถึงที่บ้านพักแต่พบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่กับพี่สาว ซึ่งมีอาชีพขายหมูปิ้ง หลังโรงพัก สภ.เมืองสระแก้ว จึงติดตามไปกดดันจนผู้ต้องหายินยอมให้ผู้ใหญ่บ้าน และพี่สาวพาเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมดังกล่าว ตามหมายจับของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เลขที่ จ.52/2560 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560